วันที่ 11 พ.ย. 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กก. 2 บก.ปอศ. ผู้ต้องหาที่จับกุม น.ส.น้ำผึ้งฯ อายุ 35 ปี ฐานความผิดที่กล่าวหา
1.) หมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 568/2568 ลง 22 สิงหาคม 2568 ในความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน , เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชนอันมิใช่การกระทำ ฐานหมิ่นประมาท,เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาเพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด

2.) หมายจับศาลจังหวัดเทิง ที่ 607/2568 ลง 14 มิถุนายน 2568 ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง ประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการ กระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ, ร่วมกันฟอกเงิน, เปิด หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชี เงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการ ที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด
3.) หมายจับศาลอาญา ที่ 1028/2568 คดีหมายเลขดำที่ อทย369/2568 คดีหมายเลขแดงที่ อทย719/2568 ลง 25 สิงหาคม 2568 ในความผิดฐาน ฉ้อโกง , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 (ในฐานะนิติบุคคล)
4.) หมายจับศาลอาญา ที่ 1029/2568 คดีหมายเลขดำที่ อทย369/2568 คดีหมายเลขแดงที่ อทย719/2568 ลง 25 สิงหาคม 2568 ในความผิดฐาน ฉ้อโกง , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 (ในฐานะส่วนตัว) สถานที่จับกุม ร้านอาหารไม่มีชื่อ บริเวณริมถนนวิสุทธิกษัตริย์ แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา ที่มอบหมายให้ทุกหน่วยเร่งรัดปราบปรามและกวาดล้าง อาชญากรรมทางออนไลน์ในทุกรูปแบบ หลอกลงทุน รวมถึงการลักลอบจำหน่ายสินค้า ผิดกฎหมายผ่าน ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งต่อมาสืบทราบว่า น.ส.น้ำผึ้งฯ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหานี้ซึ่งมีพฤติกรรมในการรับจ้าง เปิดบัญชีม้า และรับจ้างจดทะเบียนนิติบุคคล ให้กับบุคคลอื่น เพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิด

จากการสืบสวนพบว่าเมื่อช่วงประมาณ เดือนตุลาคม พ.ศ.2567 ผู้ต้องหานี้ ได้รับการแนะนำจาก น.ส.ตูน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของผู้ต้องหา และมีพฤติกรรมในการจัดหาคนเพื่อไปเปิดบัญชีม้าให้กับนายทุน ชาวจีนที่ทำงานอยู่ฝั่งกัมพูชา (ปอยเปต) จากนั้น น.ส.ตูน ได้แนะนำให้ผู้ต้องหารู้จักกับ นายเปี๊ยก ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล ซึ่งเป็นนายหน้าอีกคนในการพาไปเปิดบัญชี โดยผู้ต้องหา รู้ดีว่าจะมีการนำบัญชี ของตนที่เปิดไปใช้ในการกระทำความผิด โดยผู้ต้องหาได้รับค่าตอบแทนในการเปิดบัญชีส่วนตัว และนำชื่อไปจดทะเบียนนิติบุคคล จำนวนเงิน 25,000 บาท ในส่วนจดทะเบียนนิติบุคคลนั้น ผู้ต้องหาได้ไปจดในชื่อ บริษัท 168 อมุนดิ ล็อท จำกัด ซึ่งประกอบการเกี่ยวกับ บริการรับเป็นผู้จัดการและดูแล ผลประโยชน์จัดการทรัพย์สินให้บุคคลอื่น ซึ่งต่อมาได้มีการนำนิติบุคคลดังกล่าว ไปใช้ในการหลอกลวง ในการลงทุน โดยกลุ่มขบวนการได้ มีการสร้างเพจ และเว็บไซต์ปลอมหลายเพจ เช่น
1.เฟซบุ๊ก ชื่อ Investment Tradinr รุ่น 13
2. เว็บไซต์ https://amundilot.top/
3. เว็บไซต์ www.morgan-group.vip
เพื่อใช้ในการหลอกลวงประชาชน ให้ทำการเทรดหุ้น เมื่อผู้เสียหายหลงกล จะทำการชักชวนให้ ผู้เสียหาย เข้ากลุ่มไลน์ ใช้ชื่อกลุ่มไลน์ว่า AROWWIN ซึ่งคนร้ายสร้างขึ้น มีสมาชิกมากกว่า 100 คน ในการสร้างความน่าเชื่อถือ อ้างว่าเพื่อเรียนรู้ การเทรดหุ้น ชักชวนลงทุนผ่านเว็บไซด์ ดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่าบัญชีของผู้ต้องหานี้ ได้ถูกนำไปใช้ใน การหลอกผู้เสียหายในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ , จ.นครราชสีมา และ กรุงเทพมหานคร ได้เงินจากผู้เสียหายไปจำนวน กว่า 50 ล้านบาท
ต่อมา กก.2 บก.ปอศ. ได้ทำการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหานี้ ได้หลบหนีและมาทำงานที่ ร้านอาหาร (ไม่มีชื่อ) บริเวณริมถนนวิสุทธิกษัตริย์ แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร จึงได้เข้าไป แสดงตัวและทำการจับกุมผู้ต้องหานี้ จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหานี้ มีหมายจับอีก จำนวน 4 หมายในหลายท้องที่ จากนั้นจึงได้แจ้งสิทธิ แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบและได้นำตัวผู้ต้องหานี้ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ครบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนได้รับการว่าจ้างจาก นายเปี๊ยก (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล) ซึ่งเป็นนายหน้าในการพาคนไปเปิดบัญชี โดยตนได้เดินทางไปยัง ฝั่งประเทศกัมพูชา ผ่านช่องทางธรรมชาติ และอยู่กับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีบอสเป็นชายชาวจีน ในการควบคุมสั่งการ โดยตนมีหน้าที่ในการแสกนหน้า กับบัญชีธนาคาร เมื่อมีผู้โอนเงินเข้าบัญชีของตน โดยไม่ทราบว่ามีการโอนต่อไปยังที่ใด ซึ่งมีคนไทยและคนต่างชาติ อยู่ในสถานที่นั้นจำนวนกว่า กว่า 30 คน
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน