เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา วงการการเมืองร้อนระอุอีกครั้ง หลังมีรายงานว่า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และหนึ่งในแกนนำอาวุโสของพรรค ได้ตัดสินใจ ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย อย่างเป็นทางการ ส่งผลให้หลุดจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทันที
การลาออกครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น จุดแตกหัก ภายในพรรคเพื่อไทย หลังความขัดแย้งและปัญหาการบริหารสะสมมานานตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งปี 2566 โดย นาย สมพงษ์ ระบุชัดว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่พรรคเป็นฝ่ายค้านหรือเผชิญกระแสตกต่ำ แต่เกิดจากความไม่พอใจต่อ ระบบบริหารจัดการภายใน ที่ขาดความเป็นธรรมและทิศทางที่ชัดเจน
ส.ส.ในพรรคจำนวนมากรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ปัจจุบัน การจัดลำดับความสำคัญของพรรคมีปัญหามาก ผลเลือกตั้งทั้งในระดับชาติและท้องถิ่นก็สะท้อนชัดแล้วว่า พรรคกำลังอยู่ในช่วงยากลำบาก สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ กล่าวหลังประกาศลาออก
การลาออกของ สมพงษ์ ส่งแรงสะเทือนถึง ฐานภาคเหนือ ซึ่งเป็นรากเหง้าทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในจังหวัดบ้านเกิดของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยครองเสียงแบบเบ็ดเสร็จมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย
แต่ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด พรรคเพื่อไทย กวาดได้เพียง 2 จาก 10 เขตเลือกตั้ง ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และคะแนนบัญชีรายชื่อยังตามหลังคู่แข่งเป็นแสนคะแนน สะท้อนถึงสัญญาณ ตกต่ำ อย่างชัดเจน หากไม่มีการปรับทิศทางหรือรีเซ็ตพรรคครั้งใหญ่ อนาคตของพรรคอาจดิ่งเหวเร็วกว่าที่คาด
หลังจากกระแสลาออกของ สมพงษ์ กลุ่ม ดาวฤกษ์และเครือข่ายบ้านใหญ่ หลายจังหวัด เริ่มขยับเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน หลายคน เจรจาเตรียมย้ายพรรค แล้ว เพียงรอประกาศยุบสภาเพื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
โดยเฉพาะกลุ่มการเมืองในภาคอีสาน เช่น กลุ่มเสี่ยแป้งมัน จังหวัดนครราชสีมา ถูกระบุว่ามีความเคลื่อนไหวจริง แม้ยังไม่มีแถลงยืนยัน แต่สัญญาณภายในชัดเจนว่ากำลัง ตีตัวออกห่าง จากพรรคเพื่อไทย
นักวิเคราะห์การเมืองมองว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทย สั่นคลอนหนักสุดในรอบหลายปี โดยเฉพาะหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้ามาบริหารพรรคเต็มตัวในฐานะหัวหน้าพรรค แต่กลับถูกวิจารณ์ว่า ขาดเอกภาพภายใน และบริหารไม่ลงตัว การที่คนเก่าอย่างสมพงษ์ ตัดสินใจลาออก ถูกตีความว่าเป็น เสียงเตือนครั้งสุดท้าย ต่อเจ้าของพรรคตัวจริง เพราะเมื่อลูกสาวล้มเหลวย่อมส่งผลต่อพ่อโดยตรง
ในขณะนี้ แกนนำระดับสูงของพรรคจึงพยายามประคองสถานการณ์ให้นิ่งที่สุด เพื่อซื้อเวลาและฟื้นศรัทธาฐานเสียง แต่แหล่งข่าวย้ำว่า การเมืองภายในแตกละเอียดกว่าที่คิด และอาจนำไปสู่การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า
ชมคลิป