เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศ รอยเตอร์ รายงานว่า รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกา พีท เฮกเซธ ได้เรียกตัวนายพลและพลเรือเอกหลายร้อยนายที่ประจำการทั่วโลก กลับมาประชุมด่วนที่เมืองควอนติโค รัฐเวอร์จิเนีย ในวันอังคารที่ 30 กันยายนนี้ ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ทำให้สังคมภายนอกให้ความสนใจอย่างมาก
รางานดังกล่าว อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่หลายราย โดยระบุว่า ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่า ทำไมเฮกเซธจึงเรียกบรรดานายพลและพลเรือเอกจำนวนมาก มารวมตัวกันในสถานที่เดียวในเวลาอันสั้น ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก
บรรดานายพลที่ถูกเรียกตัวก็ไม่ทราบหัวข้อการประชุม ทำให้ข่าวลือและการคาดเดาภายในแพร่กระจายไปทั่ว ตั้งแต่การทดสอบสมรรถภาพร่างกายหมู่ การบรีฟสถานการณ์กลาโหม ไปจนถึงการปลดนายทหารครั้งใหญ่
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเปิดเผยโดยไม่เปิดชื่อว่า ทุกคนกำลังเร่งปรับตารางเพื่อดูว่าจำเป็นต้องเข้าร่วมหรือไม่ ขณะที่อีกคนกล่าวว่า นี่ถูกเรียกกันว่า Squid Game ของเหล่านายพล
ด้านโฆษกเพนตากอน ฌอน พาร์เนลล์ ยืนยันเพียงว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงคราม (Secretary of War) จะกล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้นำระดับสูงของกองทัพในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อช่วงต้นเดือน ประกาศเปลี่ยนชื่อกระทรวงกลาโหม (Department of Defense) กลับเป็น กระทรวงสงคราม (Department of War) แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรสก่อนจึงจะมีผลบังคับใช้
นอกจากนี้ การที่มีการรวมตัวนายทหารระดับสูงของสหรัฐฯ จำนวนมากในที่เดียวกัน ยังทำให้เกิดข้อกังวลด้านความปลอดภัยขึ้นด้วย ผู้ช่วย สส. รายหนึ่งตั้งคำถามว่า เว้นเสียแต่เฮกเซธจะตั้งใจประกาศปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ครั้งใหม่ หรือ การปฏิรูประบบบัญชาการกองทัพครั้งใหญ่ ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่อาจหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลได้เลย
พร้อมกันนี้ เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ถูกถามถึงเรื่องนี้เมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา โดยเขาตอบว่า ผู้คนจากทั่วโลกมารวมตัวกัน ไม่ใช่เรื่องดีหรือ พร้อมเปิดเผยว่าการประชุมครั้งนี้อย่างน้อยบางส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบยุทโธปกรณ์ทางทหาร ทั้งนี้ ทรัมป์ยังกล่าวเสริมว่า เรามีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีที่สุดในโลก หลายนายพลก็อยากมาที่นี่ พวกเขาจะได้เยี่ยมชมสถานที่เก็บยุทโธปกรณ์ และหารือเกี่ยวกับอาวุธรุ่นใหม่ล่าสุด
ในส่วนของ พีท เฮกเซธ อดีตผู้ประกาศข่าวช่องฟ็อกซ์นิวส์ หลังเข้ารับตำแหน่งได้เดินหน้าปรับโครงสร้างผู้นำระดับสูงของกองทัพครั้งใหญ่ มุ่งผลักดันให้เป็นไปตามวาระด้านความมั่นคงของทรัมป์ พร้อมทั้งยกเลิกนโยบายความหลากหลายที่เขามองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติอ
ทั้งนี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เขาได้ปลด พล.อ. ซี.คิว. บราวน์ จูเนียร์ อดีตประธานคณะเสนาธิการร่วม และนายพลระดับสูงอีก 6 นาย เดือนพฤษภาคมออกคำสั่งให้ลดจำนวนพลเอกสี่ดาวลง 20% และในเดือนสิงหาคมก็ปลดหัวหน้าหน่วยข่าวกรองเพนตากอน รวมถึงผู้บัญชาการระดับสูงอีก 2 นายออกจากตำแหน่ง