วันที่ 11 กันยายน 2568 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้สำนักงานกกต.และสื่อมวลชนกับการจัดการเลือกตั้งตอนหนึ่งว่า ปี 2569 ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งหลายประเภท เช่น การเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) การเลือกตั้งสมาชิกกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา การเลือกตั้งสส. และการออกเสียงประชามติ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญต่อความเป็นไปของประเทศ
จริงๆ เรามีการเลือกตั้งตามกำหนดการทั่วไปคือ การเลือกตั้งอบต.เกือบทั่วประเทศ และการเลือกตั้งรูปแบบการปกครองพิเศษคือ กรุงเทพมหานครและพัทยา แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยนเร็ว ก็มีสัญญาณที่เราเข้าใจตรงกันว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2559 ซึ่งไม่คิดว่าจะเร็วกว่านี้ และมีการออกเสียงประชามติ
ดังนั้น ปี 2569 จึงเป็นปีที่เต็มไปด้วยประชาธิปไตย เต็มเป็นไปด้วยพลังของประชาชนที่จะได้แสดงออกถึงความเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยผ่านกระบวนการเลือกตั้ง
นายแสวง กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังมีข้อสงสัยของสังคมที่ตั้งคำถามว่า กรณีการเลือกสว. กกต.ทำอะไรอยู่ทำไมถึงยังไม่เสร็จ ต้องบอกว่าทุกคนอยากได้รับความยุติธรรม และเงื่อนไขของความยุติธรรมไม่ได้อยู่ที่เงินหรือเวลาเพียงอย่างเดียว เวลาเป็นส่วนหนึ่งของความยุติธรรม แต่การประวิงเวลานั้นคือความไม่ยุติธรรม
ความยุติธรรมโครงสร้างประกอบด้วยหลายด้าน ได้แก่ ขั้นตอนปฏิบัติ ซึ่งมี 4 ขั้นตอน ทุกขั้นตอนจะได้รับการตรวจสอบว่าแต่ละขั้นตอนได้ทำถูกต้อง และให้ความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องหรือไม่
เวลา ต้องเพียงพอให้โอกาสผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าถึงความยุติธรรม
ข้อเท็จจริง คือการได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรม ไม่ใช่การปฏิบัติเพื่อคนใดคนหนึ่งหรือทำตามความต้องการของใคร
พยานหลักฐานที่รวบรวมได้ ไม่ใช่เรื่องเล่าจากข้างนอก นี่คือความยุติธรรมที่สำนักงานคำนึงถึงและปฏิบัติตลอดมา เรารวบรวมพยานหลักฐานได้แค่ไหน ความยุติธรรมก็คือตรงนั้น
การพิจารณาสำนวนฮั้วสว. ก็เช่นกัน อยู่ในองค์ประกอบนี้ เราไม่ได้ทำแตกต่างจากทุกเรื่องที่เราทำมา แต่สำนวนสว. อาจจะต่างจากสำนวนอื่น เพราะมีการเลือกหลายระดับ ต่างจากสส. หรือการเลือกตั้งทั่วไปที่มีชั้นเดียว เมื่อการเลือกสว.มีหลายชั้นเป็นสำนวนจึงใหญ่ ก็ต้องใช้เวลา จึงต้องดูองค์ประกอบความยุติธรรม 4 เรื่อง ข้อเท็จจริงต้องครบถ้วน จนมีหลักฐานพอที่จะวินิจฉัยได้
ตอนนี้สำนวนสว.อยู่ในชั้นเลขาธิการ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 16 กันยายนนี้ คิดว่า 3-4 วันก็จัดส่งอนุกรรมการวินิจฉัย มีเวลาอีก 90 วัน ก่อนส่งกกต. ย้ำว่าเราไม่สามารถตัดทอนขั้นตอนใดได้ เราต้องให้ความยุติธรรมกับทุกคน ให้โอกาสกับทุกคนให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม ครบถ้วน
ถ้าไม่ครบถ้วนก็ต้องสอบเพิ่มเติม เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม ส่งรายละเอียดเนื้อหาไม่มีใครไปบอกได้ ที่เป็นข่าวอาจเป็นเพียงเรื่องเล่า แต่ในส่วนของข้อเท็จจริง ในชั้นอนุวินิจฉัยหรือกกต.ก็ไม่มีใครทราบ
นายแสวง กล่าวถึงการเปลี่ยนการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติ มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าปี 2569 จะมีการเลือกตั้งทั่วไป ถ้าเป็นไปตามที่ฝ่ายการเมืองได้ให้สัญญากับประชาคมไว้ รวมทั้งการออกเสียงประชามติ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยการทำประชามติออกมา
จริงๆ กกต. เตรียมพร้อมตลอดเวลา เพราะเราทำมาตลอด ที่จะต่างจากทุกครั้งคืออาจมีการเลือกตั้งตรงกับวันออกเสียงประชามติ ซึ่งมีการออกระเบียบรอไว้แล้ว รอผลบังคับใช้ของกฎหมาย ถ้าให้การออกเสียงประชามติเป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้ง จะถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทย อย่างไรก็ตามเป็นอำนาจของนายกฯ หารือกับกกต.ตามมาตรา 9 ว่าจะจัดตรงกันหรือไม่ ถ้าตรงกันเราก็พร้อมจัด
ส่วนประสิทธิภาพที่จะจัดการเลือกตั้ง สำนักงานกกต.ยืนยันว่าจะทำการแข่งขันเลือกตั้ง เป็นที่ยอมรับ เมื่อประชาชนยอมรับ บ้านเมืองก็เดินหน้าต่อไปได้อย่างเรียบร้อย เราคำนึงถึงข้อนี้เป็นอย่างดี ทุกการเลือกตั้งมีปัญหาทางธุรการอยู่บ้าง
แต่ครั้งหน้า ขอรับปากว่าจะไม่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอำนวยความสะดวกของประชาชน เช่น การออกเสียงลงคะแนนล่วงหน้า ที่มีความแออัดยัดเยียดในบางแห่ง หรือเอกสารที่ต้องถูกต้องต่างๆ นานา รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในวันเลือกตั้งและการนับคะแนน
ถ้าตรงกับวันประชามติ เราจะวางแผนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของทุกคน ถ้าการเมืองและประชาชนหวังแค่ชนะอย่างเดียว ผลการเลือกตั้งก็คงกลับมาไม่ดี ดังนั้น เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ การเลือกตั้งครั้งหน้าขอให้ยุติธรรม เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย โดยสำนักงานจะจัดทำให้ออกดีที่สุดและเป็นที่ยอมรับมากที่สุด