ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ร้านค้าทองภายในห้างแห่งหนึ่งย่านอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ช่วงเวลา 15.50 น. วันที่ 14 สิงหาคม 68 จับภาพคนร้ายชายหนึ่งคน สวมเสื้อไรเดอร์ สวมกางเกงขายาวสีดำ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ สะพายกระเป๋าสะพายข้างสีดำ เดินบุกเข้ามาภายในห้าง ก่อนที่เจ้าหน้าที่รปภ ชายท่านหนึ่งจะเห็นเข้าและพยามบอกให้คนรร้ายรายนี้ถอดหมวกกันน้อกตามมาตราการป้องกันเหตุ แต่คนร้ายรายนี้ไม่สนใจและชักอาวุธปืนสั้นออกมาข่มขู่รปภ.ก่อนจะเดินเข้าร้านทองและใช้ปืนกระบอกเดียวกันขู่พนักงานหญิงในร้านและกระโดดข้ามเคาร์เตอร์ร้านทองเข้าไปกวาดสร้อยข้อมือทองคำน้ำหนัก 2 บาท 3 บาท และ 5 บาท ยัดใส่กระเป่าสะพายข้างที่เตรียมมาก่อนจะวิ่งหลบหนีไปขึ้นรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่คนร้ายับมาจอดที่หน้าห้างและหลบหนีออกถนนเทพรัตนหรือถนนบางนาตราด
หลังเกิดเหตุไม่นาน พล.ต.ต. วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พร้อมด้วยรองผู้บังคับการ ผู้กำกับสืบจังหวัด ผู้กำกับสภ.บางบ่อ พร้อมกับฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บพยานหลักฐานที่เกิดเหตุเร่งไล่ล่าตัวคนร้ายรายนี้
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ รปภ.ของทางห้าง (เบลอหน้า) บอกว่า ขณะที่ตนเองยืนปฎิบัติหน้าที่อยู่ใกล้กับร้านค้าทองแห่งนี้ ตนเองหันไปเห็นคนร้ายเดินเมาจากประตูทางเข้า ตรงมาหาตรงที่ตนเองยืนอยู่ ตอนนั้นตนเห็นผิดสังเกต เพราะคนร้ายใส่หมวกกันน็อกเข้ามาในห้าง ปกติแล้วจะคอยดูแลเรื่องความปลอดภัยและมีมารตการเฝ้าระวังหากมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการภายในห้างต้องไม่สวมหมวกกันน็อก ตอนนั้นตนเองจึงบอกให้เขาถอดหมวกกันน็อกออกแต่คนร้ายกลับชักอาวุธปืนหันมาใส่ตน ตนจึงไม่กล้าห้าม จากนั้นคนร้ายก็เดินเข้าไปก่อเหตุในร้าน ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ขณะที่ พนักงานชายในร้านทอง บอกว่า ตอนคนร้ายเดินมาถึงร้าน ได้ตะโกนบอกพนักงานให้หยิบทองมา ตนเองซึ่งตอนนั้นยืนอยู่ที่หน้าร้านจึงตะโกนให้พนักงานหญิงในร้านมอบลงกับพื้นและตนเองถอยหลังหลบเข้าในร้านฝั่งตรงข้ามก่อนจะใช้มือถือถ่ายคลิปคนร้ายขณะก่อเหตุเอาไว้
ด้าน พล.ต.ต. วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ระบุว่า คนร้ายชายหนึ่งคน เชื่อว่ามีการเตรียมการมาอย่างดีในการก่อเหตุ ซึ่งทองที่คนร้ายได้ไปนั้น เป็นสร้อยทองข้อมือ น้ำหนัก 2 บาท จำนวน 24 เส้น น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น และน้ำหนัก 5 บาท จำนวน 5 เส้น รวมน้ำหนักทองที่คนร้ายได้ไป 163 บาท รวมมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ขณะนี้ได้สั่งการให้ระดมฝ่ายสืบสวนฝีมือดี จากสืบภาค 1 สืบจังหวัด และสืบโรงพักในพื้น แบ่งสายงานออกไล่ล่าตัวคนร้ายรายนี้แล้ว พร้อมทั้งประสานฝ่ายสืบสวนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย นอกจากนั้นตนเองยังกำชับฝ่ายสืบสวนในการไล่ล่าตัวคนร้ายรายนี้ ให้เพิ่มความระมัดระวังในการเข้าจับกุม เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนหากพบคนร้ายต่อสู้ขัดขืนก็ให้ใช้มาตรการขัดเด็ดขาดทันที
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดสมุทรปราการ รายงาน