เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 พ.ย. 2568 นางสาวพยุง ด้วงกรัด อายุ 90 ปี ชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่กับเพื่อนบ้านในพื้นที่ตำบลไทรม้า อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี หลังถูกหลานสาวและหลานเขยไล่ออกจากบ้านอย่างไร้เยื่อใย ทั้งที่เคยอุปการะเลี้ยงดูครอบครัวของหลานมาตลอดหลายสิบปี
ยายพยุง เล่าว่า ชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีครอบครัว มีพี่น้องร่วมท้องเก้าคน แต่เสียชีวิตไปหมดแล้ว เหลือตนเพียงคนเดียว จึงอาศัยอยู่กับหลานสาวซึ่งเป็นลูกของน้องสาว โดยก่อนหน้านี้ยายมีเงินเก็บกว่า 3.5 ล้านบาท ตั้งใจแบ่งให้เหลนสาวและเหลนชายคนละ 1 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1.5 ล้านบาท เก็บไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิต
ต่อมา หลานสาวและหลานเขยชักชวนให้ยายถอนเงินจากบัญชี โดยอ้างว่า ธนาคารจะล้ม ขอให้โอนเข้าบัญชีชื่อของเหลนทั้งสอง ยายพยุงเชื่อใจเพราะรักเหมือนลูกหลานแท้ ๆ จึงยอมทำตาม กระทั่ง พบภายหลังว่าเงินในบัญชีตัวเองหายไปหมด เหลือเพียงสมุดบัญชีของเหลนที่มียอดรวมกว่า 2.5 ล้านบาท
เมื่อยายพยุงทวงถาม กลับถูกหลานทั้งสองไม่พอใจ จนเกิดปากเสียง ก่อนถูกหิ้วปีกไล่ออกจากบ้าน เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยไม่ได้ให้หยิบเสื้อผ้า ยารักษาโรค หรือเงินสดอีก 1 แสนบาท ที่เก็บไว้ติดตัวออกมาด้วย
ด้วยความสิ้นหวัง ยายพยุงนึกถึง นางสุ อายุ 75 ปี เพื่อนบ้านเก่าที่ไม่ได้เจอกันกว่า 30 ปี จึงเรียกรถแท็กซี่ให้มาส่งที่บ้าน ซึ่งนางสุก็สงสาร จึงให้พักอาศัยชั่วคราว แม้ตนเองจะชราภาพและต้องจ้างคนดูแลอยู่แล้วก็ตาม
นางสุเล่าว่า หลังได้ฟังเรื่องราวของเพื่อนเก่า ก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก เพราะยายพยุงเป็นคนขยัน ซื่อสัตย์ และรักหลานเหมือนลูกแท้ ๆ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือบ้านพักคนชรา เข้ามาช่วยเหลือให้ยายมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในบั้นปลายชีวิต
ด้าน ป้านี คนดูแลนางสุ ซึ่งขณะนี้ช่วยดูแลยายพยุงด้วย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเคยพายายกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านหลาน แต่ถูกห้ามเข้า พร้อมถูกข่มขู่จะดำเนินคดีข้อหาบุกรุก คนอายุ 90 แล้ว ทำไมถึงทำกันได้ลงคอ ป้านีกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ