เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองบัวลำภูรับแจ้งเหตุมีพระวิ่งราวทองคำน้ำหนัก 1 บาทจากร้านทองแห่งหนึ่งใกล้ตลาดธนารักษ์ เขตเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู โดยมีลูกจ้างหญิงพนักงานของร้านทองได้ขี่รถจักรยานยนต์ติดตามผู้ก่อเหตุไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองบัวลำภูได้ดำเนินการสกัดจับโดยเร่งด่วน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามพบตัวชายคนหนึ่งแต่งกายคล้ายพระสงฆ์กำลังพยายามจะวิ่งหลบหนีไปทางวงเวียนหน้ามูลนิธิรวมน้ำใจ สามารถสกัดตัวไว้ได้อยู่กลางถนนในเขตชุมชน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร
เมื่อผู้ก่อเหตุเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิดและรถสายตรวจคันหนึ่งวิ่งเข้าดักหน้า ผู้ก่อเหตุจึงวิ่งย้อนกลับมาและได้กระโดดเหยียบกระโปรงหน้ารถ กระโจนขึ้นนั่งบนหลังคารถกระบะของสายตรวจ พร้อมชักมีดทำครัวยาวประมาณ 7 นิ้วจี้ที่ตัวเองพร้อมสั่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใกล้ สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาและประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงต่างมุ่งดูด้วยความตื่นตระหนก
เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามกั้นทางไม่ให้ประชาชนเข้ามาใกล้บริเวณที่เกิดเหตุและได้ใช้ยุทธวิธีเจรจาพยายามพูดจาปลอบโยนให้ผู้ก่อเหตุซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นสามเณร อายุ 36 ปี ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งอยู่ในลักษณะพูดจาวกวนคล้ายคนเมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเจรจาพูดคุย ให้ผู้ก่อเหตุคลายความตื่นตระหนกและลดอารมณ์รุนแรงลง โดยตลอดเวลาผู้ก่อเหตุพยายามบอกว่าไม่ประสงค์จะทำร้ายใคร พร้อมกับบอกว่าตัวเองรู้สึกไม่สบายแต่ไม่มีใครพาไปโรงพยาบาลจึงเดินทางมาในเมือง แต่กลับไม่ได้พูดถึงประเด็นที่ไปวิ่งราวทรัพย์มาจากร้านทองแต่อย่างใด ตำรวจพยายามพูดคุยต่อเนื่องได้ความบ้างไม่ได้ความบ้าง ทราบคร่าว ๆ ว่าผู้ก่อเหตุอยู่วัดป่าในพื้นที่ อบต.หนองบัว
ตลอดเวลาผู้ก่อเหตุ มีท่าทางรุกรนกระวนกระวาย พร่ำบอกว่าตัวเองโดนกดดัน พร้อมบอกว่าต้องการไปหาอาจารย์แดงที่วัดที่ตนพักอาศัยอาศัยอยู่ เจ้าหน้าที่ต่อรองว่าจะพาไปก็ได้แต่ขอให้วางอาวุธมีดลงก่อน ผู้ก่อเหตุก็ไม่วางกลับคุยโวว่าพ่อแม่ตนร่ำรวยมีเงินกว่า 20,000,000 บาท แต่เกรงว่าจะถูกตำรวจทรมานจึงไม่ยอมวางมีด จากนั้นก็มีการร้องไห้ สลับกับพูดจาพร่ำเพ้อ เช่น บอกว่าตนสละกิเลสแล้ว เงิน 500,000 บาทยังยกให้คนอื่นได้โดยไม่เสียดาย ตำรวจก็พยายามพูดจาชวนคุยให้ผู้ก่อเหตุคลายความวิตกกังวล
หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุเริ่มมีท่าทีอ่อนลงและได้ลงมาจากหลังคารถ มานั่งในกระบะหลัง แต่ยังไม่ยอมวางมีด ตำรวจใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่ประมาณ 15 นาที ผู้ก่อเหตุจึงยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดึงมีดออกจากมือได้ แต่ยังไม่ยอมให้ค้นตัว เจ้าหน้าที่ยังไม่กล้าเข้าประกบค้นตัวเนื่องจากเกรงว่าจะมีอาวุธอย่างอื่นซุกซ่อนอยู่ในจีวรที่ห่มอยู่ ตำรวจจึงพูดจาหลอกล่อพาตัวออกจากพื้นที่โดยบอกว่าจะพาไปที่โรงพยาบาลตามที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าตัวเองมีอาการป่วย
เมื่อถึงโรงพยาบาลตำรวจจึงได้ทำการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุกลับมาที่สถานีตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการเปลี่ยนจีวรออก ให้ผู้ก่อเหตุสวมใส่กางเกงยืดขายาว เนื่องจากผู้ก่อเหตุได้ปัสสาวะและอุจจาระเต็มผ้าเหลือง เมื่อถอดผ้าเหลืองออกพบว่า ตามลำตัวแขนขามีรอยสักอยู่เต็มไปหมด และค้นพบสร้อยทองคำน้ำหนัก 1 บาทที่ซุกอยู่ในตัวของผู้ก่อเหตุ จากการตรวจปัสสาวะเบื้องต้นพบผลเป็นบวก
ผู้ก่อเหตุเล่าว่าเป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรีเพิ่งออกมาจากเรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรีเมื่อปีที่แล้วคดียาเสพติด ติดคุก 3 ปี มีอาจารย์แดงนำตัวมาบวชในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูเมื่อพรรษาก่อน เมื่อสอบถามว่าผลปัสสาวะเป็นสีม่วงยอมรับว่าเสพยาหรือไม่ ผู้ก่อเหตุตอบว่า ไม่ได้เสพมาสองวันแล้ว ทั้งยังโวยวายขึ้นว่า ในวัดที่ตนไปพักอยู่นั้นพระสงฆ์และสามเณรในวัดทั้งหมดล้วนแต่ติดยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงสอบถามว่าเป็นวัดไหน ผู้ก่อเหตุตอบว่าก็วัดที่ตนอยู่นี่แหละ เจ้าหน้าที่จึงเตรียมการจะออกไปทำการตรวจสอบปัสสาวะสำหรับพระและสามเณรที่ผู้ก่อเหตุชี้ว่าเสพยา โดยจะให้ผู้ก่อเหตุไปชี้ตัว ทั้งยังบอกว่ายาเสพติดที่ตนเสพนั้น สามเณรในวัดเป็นคนไปซื้อมาให้
เมื่อเจ้าหน้าที่ถามวา เป็นพระจริงหรือไม่ ผู้ก่อเหตุตอบชัดถ้อยชัดคำว่าเป็นพระจริงๆแต่เพิ่งบวชได้หนึ่งพรรษา ตำรวจถามหาใบสุทธิ ก็ตอบว่าอยู่กับอาจารย์แดง ตำรวจชุดสืบสวนจึงไปตรวจสอบที่วัดป่าที่ผู้ก่อเหตุกล่าวอ้าง พบว่ามีพระสูงอายุอยู่สองรูป ไม่รู้เรื่องอะไรเลย และแจ้งตำรวจว่าผู้ก่อเหตุไม่มีใบสุทธิเพราะเป็นแค่สามเณรไม่ได้เป็นพระ
ซึ่งสร้างความสับสนให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างยิ่ง เนื่องจากตรวจสอบไม่พบว่าพระอาจารย์แดงที่กล่าวถึงอยู่ที่ไหน รวมถึงพระและสามเณรในวัดจำนวน5-6รูปเสพยาก็ไม่ปรากฏว่ามีพระและสามเณรในวัดดังกล่าว มีแต่พระสูงอายุอยู่สองรูปเท่านั้น เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาชิงทรัพย์ไว้ก่อน ส่วนข้อหาอื่นใดจะรอสอบสวนอีกที
ด้านพนักงานของร้านทองที่เกิดเหตุ เล่าว่า ช่วงสายของวันที่ 27 ธ.ค.68 ผู้ก่อเหตุซึ่งนุ่งห่มผ้าเหลืองคล้ายพระสงฆ์ได้เดินเข้ามาขอให้ตนจ่ายเงินสดให้เขาจำนวน 10,000 บาท โดยเขาจะโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกลับคืนให้ แต่ตนบอกว่าตนไม่เคยปฏิบัติแบบนี้และไม่ยอมจ่ายเงินสดให้ตามที่ผู้ก่อเหตุขอ ผู้ก่อเหตุจึงมีท่าทางโมโหและต่อว่า “ทำไมช่วยแค่นี้ก็ไม่ได้ ผมไม่ใช่คนร้ายไม่ใช่คนไม่ดีไม่ได้เสพยาทำไมจึงไม่ช่วยเหลือ” ซึ่งตนก็ไม่โต้ตอบ ผู้ก่อเหตุจึงเปลี่ยนท่าทีเป็นขอซื้อสร้อยทองคำน้ำหนัก 1 บาท โดยจะขอดูก่อน ตอนแรกตนลังเลที่จะเอาทองที่โชว์ผนังด้านหลังมาให้ผู่ก่อเหตุดู แต่ขณะนั้นหญิงซึ่งเป็นเจ้าของร้านทองได้เดินออกมาจากทางด้านหลังร้าน เมื่อได้ยินว่ามีพระจะซื้อทองหนัก 1 บาทจึงหันไปหยิบทองที่ใส่กระบะโชว์อยู่ด้านหลังมาวางลงโดยยังไม่ทันปล่อยมือ ผู้ก่อเหตุก็ยื่นมือเข้าไปข้ามลูกกรงกั้นคว้าทองจำนวน 1 เส้น หนัก 1 บาท มูลค่ากว่า 60,000 บาท เดินออกจากร้านไปทันที
พนักงานในร้านจึงเปิดประตูลูกกรงวิ่งออกมาด้านหน้าร้านวิ่งตามไปดู พบว่าผู้ก่อเหตุได้กระโดดข้ามกำแพงวิ่งไปทางโรงพยาบาล พนักงานหญิงเห็นว่าวิ่งตามไม่ทัน จึงวิ่งกลับมาขี่รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้านติดตามคนร้ายไป ส่วนพนักงานในร้านอีกคนได้โทรศัพท์แจ้ง ให้ตำรวจช่วยสกัดจับ
ขณะที่ ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในพื้นที่ตำบลหนองบัว บอกว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา กำนันตำบลหนองบัวได้รับแจ้งจากเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ว่าผู้ก่อเหตุ ได้ขอเข้าไปพักอาศัยอยู่ในวัดแล้วมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมหลายอย่างจึงขอให้กำนันนำตัวออกไป ซึ่งก็ไม่ทราบว่าได้นำตัวไปไว้ที่ใด จนมาพบว่าก่อเหตุชิงทองดังกล่าว