วันที่ 28 กันยายน 2565 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพิจิตร จังหวัดพิจิตร เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและผลกระทบจากอุทกภัย พร้อมมอบถุงยังชีพจากมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า เพื่อการกุศล จำนวน 2,000 ชุด ให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งมอบเสบียงอาหารสัตว์ ชุดเวชภัณฑ์ และเอกสารสิทธิที่ดินทำกิน ส.ป.ก. 4-01 เพื่อช่วยเหลือด้านความเป็นอยู่และการทำเกษตรกรรม
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวต่อประชาชนว่า ปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นซ้ำซากทุกปี ตั้งแต่พื้นที่ต้นน้ำภาคเหนือจนถึงลุ่มน้ำเจ้าพระยา ส่งผลกระทบต่อหลายจังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ อยุธยา จนถึงกรุงเทพมหานคร จึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยการสร้างแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง การปลูกป่าในพื้นที่ต้นน้ำ การซ่อมแซมประตูระบายน้ำ และการวางแผนระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันความเสียหายซ้ำซาก พร้อมระบุว่า รัฐบาลต้องเร่งช่วยเหลือประชาชนในระยะสั้น ควบคู่กับการวางแผนระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกพรรคเวลาจะหาเสียงเลือกตั้ง จะขายนโยบายขายฝันให้กับพี่น้องประชาชนว่าจะเข้ามาทำนู่นทำนี่ แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในสภากลับไม่กล้าพูดไม่กล้าทำ จะทำอะไรก็กลัวไปหมด ผมไม่ใช่นักการเมืองมืออาชีพ ผมเข้าแก้ปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองตั้งแต่ปี 2562 ครั้งนี้ก็มาเพื่อหาแก้ปัญหาที่การเมืองเกิดความแตกแยก เพราะไม่ใช้วิธีการเมืองแก้ปัญหา แต่กลับไปใช้ทางอื่น บ้านเมืองก็ถึงทางตัน แต่โชคดีที่ประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้อง แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาล นโยบายก็เปลี่ยน คนที่ต้องรับชะตากรรมก็คือ พี่น้องประชาชน
นอกจากนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส ยังระบุว่า ปัญหาต้นทุนการผลิตภาคเกษตรยังเป็นภาระสำคัญของเกษตรกร โดยต้นทุนทุกอย่างอยู่กับกลุ่มนายทุน ทั้งปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และวัตถุดิบอื่น ๆ ขณะที่ราคาผลผลิตกลับต่ำ ทำให้เกษตรกรไม่สามารถสร้างรายได้ ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องเร่งแก้ไขโดยการลดต้นทุนการผลิต เช่น การผลิตปุ๋ยใช้เองในราคาถูกลง หากสามารถลดราคาจากกระสอบละ 100 บาท เหลือ 50 บาท ก็จะช่วยเกษตรกรได้มาก พร้อมย้ำว่าหลังจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 30 กันยายน ตนจะเดินหน้าแก้ปัญหาราคาข้าว ข้าวโพด ยางพารา และลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกรกว่า 30 ล้านคนทั่วประเทศ รวมถึงเสนอ ครม. เพื่อขออนุมัติใช้งบกลางดำเนินมาตรการเยียวยาต่าง ๆ ให้กับเกษตรกร
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้พี่น้องสบายใจได้ ผมรับผิดชอบคำพูดตัวเอง และจะไปทำงานต่อเพื่อแก้ปัญหาให้กับทุกท่าน
ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการจะเร่งดำเนินการมาตรการเยียวยาสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทั้งด้านการซ่อมแซมอาคารเรียน อุปกรณ์การเรียน และการดูแลสวัสดิการของนักเรียนและครู เพื่อให้การเรียนการสอนสามารถดำเนินต่อได้โดยไม่สะดุด พร้อมเปิดศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it center) จากอาชีวศึกษา เพื่อช่วยซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์การเกษตร เครื่องใช้ในครัวเรือน และอุปกรณ์ประกอบอาชีพต่าง ๆ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อบรรเทาภาระของประชาชน
ขณะที่ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงท่องเที่ยวจะดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย พร้อมยกระดับแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจังหวัดพิจิตรให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล โดยจะผลักดันเข้าสู่แค็ตตาล็อกแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและสร้างรายได้ให้กับชุมชนในอนาคต