จากกรณีสถานการณ์บัญชีธนาคารของประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกอายัดอย่างไม่เป็นธรรมยังคงสร้างความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหาขั้นตอนที่ซับซ้อนและล่าช้าในการขอปลดอายัด ซึ่งล่าสุดมีการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าระบบปัจจุบันเป็น มาตรการที่บ้งที่สุด ตั้งแต่เคยทำงานมา
จากกรณีที่ประชาชนจำนวนมากออกมาสะท้อนปัญหาบัญชีธนาคารถูกอายัดโดยไม่รู้ตัว บางรายถึงขั้นยอดเงินติดลบ แม้จะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมผิดกฎหมายใดๆ ทำให้เกิดความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างหนัก ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมายืนยันว่าอยู่ระหว่างการเร่งปรับปรุงขั้นตอน และแนะนำให้ผู้เดือดร้อนติดต่อ ศูนย์ AOC 1441 กด 2 เพื่อขอยกเลิกการอายัด
ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Ton Thanapon ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับร้อยเวร ได้ออกมาโพสต์ข้อความสะท้อนปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น โดยระบุว่ามาตรการนี้เป็น มาตรการที่บ้งที่สุด ตั้งแต่เขาทำงานมา 5 ปี พร้อมทั้งอธิบายถึงกระบวนการที่ทำให้เกิดความล่าช้าและเกิดการโยนความรับผิดชอบไปมาระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและธนาคาร
เจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบายว่า เมื่อมีผู้เสียหายโทรศัพท์แจ้งความที่ สายด่วน 1441 และมีการตรวจสอบว่ามีการโอนเงินจริง ธนาคารจะใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ปี 2566 เพื่ออายัดบัญชีนั้นทันทีเป็นเวลา 3 วัน จากนั้นข้อมูลจะถูกส่งเข้าสู่ระบบรับแจ้งความออนไลน์ของตำรวจ (TPO)
ปัญหาที่แท้จริงเริ่มขึ้นเมื่อ กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) จะเป็นผู้ออก "หมาย H" เพื่ออายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินทั้งหมด แม้จะยังไม่มีการตรวจสอบหลักฐานอย่างละเอียดก็ตาม ทำให้บัญชีของประชาชนที่รับโอนเงินต่อๆ กันมาอย่างสุจริต อาจถูกอายัดไปด้วย ซึ่งเจ้าของบัญชีเหล่านี้ถูกเรียกว่า "ม้าเทาอ่อน" และจะถูกอายัดทุกบัญชีที่เปิดด้วยบัตรประชาชนของตนเอง
ระบบการทำงานที่น่ากังวลคือ บช.สอท. เป็นผู้ออกหมายอายัด แต่กลับกำหนดให้ ร้อยเวร ตามสถานีตำรวจเป็นผู้ดำเนินการขอปลดอายัด โดยต้องจัดทำเอกสารและสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งเป็นกระบวนการที่ยุ่งยากและใช้เวลานาน ไม่เหมือนการกดอายัดที่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์
เจ้าหน้าที่ตำรวจรายนี้ยังเล่าเหตุการณ์ที่ได้ยินกับหูตัวเองว่า เมื่อเจ้าของบัญชีโทรศัพท์ไปที่ 1441 เจ้าหน้าที่ตอบกลับว่า ทางเรามีหน้าที่รับแจ้งและส่งต่อให้ บช.สอท. ทำอายัดครับ ส่วนการปลดอายัดบัญชี เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน (ร้อยเวรโรงพัก) ต้องมาตามแก้ปัญหาตรงนี้เอง
สิ่งนี้ทำให้ภาระงานทั้งหมดตกอยู่กับร้อยเวรตามโรงพัก ซึ่งต้องรับมือกับคดีอื่นๆ ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ทำให้งานปลดอายัดเกิดความล่าช้า และประชาชนต้องรอคอยอย่างไม่มีกำหนด ทำให้กลายเป็นวงจรแห่งการ "โยนความรับผิดชอบ" ที่สร้างความสับสนและเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ต้องมาติดอยู่ตรงกลางอย่างไม่ทันตั้งตัว