งานเข้าแล้ว! จีนขยับแรง เข้าหารือกองทัพไทย ลุยปราบแก๊งสแกมเมอร์
ข่าวการเมือง

งานเข้าแล้ว! จีนขยับแรง เข้าหารือกองทัพไทย ลุยปราบแก๊งสแกมเมอร์

วันที่ 17 ธันวาคม 2568 นายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าร่วมหารือกับกองทัพบก ณ ห้อง จปร. อาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสถานการณ์ความมั่นคงและแนวทางการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีพลเอก ดิเรก บงการ หัวหน้าศูนย์ประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ทำหน้าที่เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก ให้การต้อนรับ พร้อมคณะผู้แทนจากฝ่ายจีนและสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย

การหารือครั้งนี้มีผู้แทนจากหลายหน่วยงานของสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าร่วม อาทิ กรมสอบสวนคดีอาญา กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ และกองสอบสวนอาชญากรรมโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต กระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมุ่งเน้นประเด็นการรับมือและแก้ไขปัญหาขบวนการไซเบอร์สแกมเมอร์ที่เชื่อมโยงข้ามพรมแดนในภูมิภาค

ในระหว่างการหารือ พลเอก ดิเรก บงการ ระบุว่า จากข้อมูลด้านความมั่นคงในปัจจุบัน พบว่ากลุ่มสแกมเมอร์ที่ถูกกวาดล้างในบางพื้นที่อาจมีการเคลื่อนย้ายหรือหลบหนีไปยังพื้นที่อื่น และมีแนวโน้มใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่านไปยังประเทศที่สาม โดยมักแฝงตัวเข้ามาในรูปแบบของนักท่องเที่ยวหรือนักลงทุน ส่งผลให้กระบวนการคัดกรองบุคคลของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบากมากขึ้น

ทั้งนี้ ภารกิจของกองทัพบกที่รับผิดชอบการดูแลความมั่นคงตามแนวชายแดน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อคัดกรองและระบุตัวบุคคลต้องสงสัย หากได้รับการสนับสนุนด้านข้อมูลข่าวสารหรือเบาะแสเกี่ยวกับเครือข่ายสแกมเมอร์จากฝ่ายสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็จะช่วยให้สามารถแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องล่วงหน้า และเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นและจับกุมผู้กระทำผิดได้อย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ พลเอก ดิเรก ยังกล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินการในกรณีผู้ลักลอบเข้าเมือง ทั้งในส่วนของการส่งมอบตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกระบวนการผลักดันออกนอกประเทศ โดยเห็นว่าหากมีการกำหนดแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน จะสามารถช่วยลดระยะเวลาและความซ้ำซ้อนในขั้นตอนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านนายหลิว จงอี้ แสดงความชื่นชมต่อความร่วมมือระหว่างไทย เมียนมา และจีน ในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่เมืองเมียวดี ซึ่งสามารถจับกุมและส่งตัวผู้ต้องหาชาวจีนกลับประเทศได้มากกว่า 6,600 คน พร้อมระบุว่าปัจจุบันรัฐบาลเมียนมาได้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว และได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารในพื้นที่ KK Park แล้วมากกว่า 400 แห่ง

ฝ่ายจีนยังได้ขอความร่วมมือจากประเทศไทยในการเพิ่มมาตรการสกัดกั้นผู้กระทำผิดที่พยายามใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่าน ทั้งตามช่องทางธรรมชาติและด่านตรวจคนเข้าเมือง โดยเน้นย้ำว่าอุปกรณ์ที่ขบวนการสแกมเมอร์ใช้ในการกระทำความผิด เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นพยานหลักฐานสำคัญในการดำเนินคดีและการขยายผลไปยังเครือข่ายอาชญากรรม จึงจำเป็นต้องมีการจัดเก็บและรักษาวัตถุพยานอย่างรอบคอบและรัดกุม ซึ่งเป็นแนวทางที่ทางการจีนให้ความสำคัญมาโดยตลอด

นอกจากนี้ ฝ่ายจีนได้แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลกัมพูชามีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการสแกมเมอร์ในหลายมิติ พร้อมเสนอให้ทั้งสองประเทศร่วมกันผลักดันการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยเห็นว่าจำเป็นต้องใช้ระยะเวลา รวมถึงมาตรการที่เป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยของประชาชนและรักษาเสถียรภาพของภูมิภาคในระยะยาว