วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 นายไชยรัตน์ ปาวะกะนันท์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยความคืบหน้าคดีนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล หลังถูกเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. บุกควบคุมตัวจากโรงแรมย่านเพลินจิต กรุงเทพมหานคร ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในคดีร่วมกันเป็นอั้งยี่ซ่องโจร เรียกค่าไถ่ ข่มขืนใจ และอุ้มชาวไต้หวันเมื่อปี 2564

นายไชยรัตน์ ระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2564 มีผู้ต้องหาทั้งหมด 25 คน โดยอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ และเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่หลบหนีด้วย ข้อหาเกี่ยวกับอั้งยี่ซ่องโจร การเรียกค่าไถ่ การหน่วงเหนี่ยวกักขัง การทำร้ายร่างกายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน รวมถึงความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน
ส่วนสาเหตุที่คดีล่าช้านานถึง 4 ปี รองโฆษก อสส. ชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้ต้องรอการพิจารณาของอัยการสูงสุดว่าเข้าข่ายเป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ เมื่ออัยการสูงสุดมีความเห็นว่าไม่ใช่คดีนอกราชอาณาจักร จึงให้ตำรวจดำเนินคดีตามขั้นตอนปกติ อย่างไรก็ตาม สำนวนที่ตำรวจส่งมารอบแรกยังมีผู้ต้องหาไม่ครบ เนื่องจากบางรายหลบหนี แต่ในรอบแรกนายสันธนะได้เดินทางมาพบพนักงานอัยการและยื่นประกันตัวในชั้นสอบสวน

หลังจากนั้น พนักงานอัยการได้ทยอยส่งฟ้องผู้ต้องหาบางส่วนต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในคดีหมายเลขดำ อ 548/68 โดยคดีอยู่ระหว่างการสืบพยาน ขณะเดียวกัน ตำรวจได้นำสำนวนกลับมาส่งให้อัยการเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 แต่ยังไม่มีการควบคุมตัวนายสันธนะมาพร้อมสำนวนตามที่กำหนด
ต่อมา พนักงานอัยการได้มีหนังสือแจ้งให้พนักงานสอบสวน นำตัวผู้ต้องหาที่เหลือรวมถึงนายสันธนะ (ผู้ต้องหาที่ 19) มาส่งเพื่อดำเนินการฟ้อง พร้อมทั้งให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ได้แก่ ความผิดฐานร่วมกันเรียกค่าไถ่ มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ

ต่อมา วันที่ 18 สิงหาคม 2568 อัยการได้หนังสือกำชับอีกครั้งให้ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาที่เหลือมาส่งฟ้อง พร้อมแจ้งข้อหาให้ครบถ้วน และวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ได้ออกหนังสือเตือนรอบใหม่ ให้รีบนำตัวผู้ต้องหาหลายราย รวมทั้งนายสันธนะ มาส่งฟ้องโดยด่วน
รองโฆษก อสส. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า นายสันธนะเคยมาพบพนักงานอัยการ และยืนยันว่าได้ไปพบพนักงานสอบสวนตามนัด พร้อมนำบันทึกประจำวันมาแสดง แต่ไม่เคยยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมตามระเบียบ ทั้งนี้ อัยการไม่มีอำนาจจับกุมผู้ต้องหาเอง และไม่สามารถนำตัวไปฟ้องได้ เพราะตำรวจยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตามคำสั่งอัยการ
สำหรับการออกหมายจับ นายไชยรัตน์ ระบุว่า เกิดจากการที่พนักงานสอบสวนส่งหนังสือเรียกนายสันธนะมาพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวส่งให้อัยการ 2 ครั้งติดต่อกัน แต่เจ้าตัวไม่มาปฏิบัติตามนัด ทำให้ตำรวจต้องขอศาลออกหมายจับเพื่อนำตัวส่งให้อัยการ เพื่อดำเนินการฟ้องต่อไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป