วันนี้ 24 พฤศจิกายน 2568 นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางมายังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อยื่นหนังสือให้ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ นายมานพ ชมชื่น อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ต้องสงสัยว่าเอื้อผลประโยชน์ให้ผู้ต้องขังจีนในเรือนจำ โดยให้ตรวจสอบและยึดอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาเป็นของรัฐและดำเนินคดีในฐานความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 จำนวน 7 ข้อ

โดยนายสนธิญาเปิดเผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์ดำของกรมราชทัณฑ์ หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีประเด็นการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาก่อน
ซึ่งตนไม่ได้ชี้ว่า อดีตผู้บัญชาการเรือนจำฯ และเจ้าหน้าที่เรือนจำฯ ทั้งหมดนั้นเป็นผู้กระทำความผิด เพียงแต่ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในยุคของอดีตผู้บัญชาการเรือนจำฯ รายนี้ ซึ่งตนทราบมาว่า มาเริ่มเกิดเรื่องตั้งแต่ช่วงประมาณกลางเดือนตุลาคม - พฤศจิกายนของปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการเอื้อผลประโยชน์ในการเยี่ยมผู้ต้องขังชาวจีนในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดที่ไม่ให้เยี่ยมอยู่แล้ว จนนำมาสู่การนำผู้หญิงมาปรนนิบัติให้บริการผู้ต้องขังจีน โดยไม่เกรงใจผู้ต้องขังชาวไทยที่อยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กว่าพันกว่าคน
ตนเชื่อแน่ชัดว่า ต้องมีการจ่ายเงินเพื่อตอบแทนการเอื้อผลประโยชน์ในครั้งนี้ โดยตนได้รับข้อมูลจากสายซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ภายใน รวมทั้งแม่บ้านที่อยู่ภายในบอกว่า น่าจะมีการจ่ายเป็นเงินสดตั้งแต่ 3 ล้านถึง 15 ล้านบาท และต้องไปรับเงินที่ต่างประเทศ คนกลุ่มนี้จะไม่นำเงินผ่านระบบบัญชีธนาคารในประเทศไทย เพื่อไม่ให้เกิดพยานหลักฐาน

นั่นจึงเป็นเหตุทำให้ตนมาส่งเรื่องให้ทาง ปปง. รับไปพิจารณาและตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมทั้งดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินของอดีตผู้บัญชาการเรือนจำฯ เจ้าหน้าที่ผู้ร่วมขบวนการ รวมทั้งครอบครัวและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบว่ามีความผิดหรือไม่ โดยอาศัยความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงินจำนวน 7 ข้อ ได้แก่ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดเกี่ยวกับการกรรโชกโดยอ้างอำนาจอั้งยี่ซ่องโจร ความผิดเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกอั้งยี่หรือมีส่วนร่วมในการเป็นองค์กรอาชญากรรม ความผิดเกี่ยวกับรับของโจร ความผิดเกี่ยวกับการหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ความผิดเกี่ยวกับการรีดกรรโชกทรัพย์เป็นกิจธุระ รวมทั้งความผิดอื่น ๆ ที่เป็นการอั้งยี่ต้องโจร
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนต้องการที่ทาง ปปง. ดำเนินการตรวจสอบเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างและจัดการขั้นเด็ดขาด เพราะถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับคุกประเทศไทย นับเป็นครั้งแรกที่นำผู้หญิงเข้าไปในเรือนจำแบบนี้และเชื่อว่า ถึงแม้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะพยายามไม่ให้มีพยานหลักฐานตกหล่น แต่เชื่อมือว่า ปปง. จะสามารถไล่ตรวจสอบได้
ส่วนสาเหตุที่เรื่องดังกล่าวแดงขึ้นนั้น จากข้อมูลของสายตนเอง ระบุว่า น่าจะเกิดจากกระบวนการหักหลังกันเอง เพราะอาจจ่ายเงินกันไม่ครบหรือแบ่งผลประโยชน์กันไม่ลงตัว เงินที่จ่ายกันอาจจะไม่ถึงเจ้าหน้าที่บางราย เลยหักหลังเปิดเรื่องราวดังกล่าว ขณะที่ตัวนายมานพ ตนเคยรู้จัก เพราะเคยดำรงตำแหน่งเป็นอดีตผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งตนเป็นชาวสมุทรสาคร แต่ตนไม่ทราบข้อมูลว่าเคยทำแบบนี้มาก่อนจากที่อื่นหรือไม่
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า พบผู้ต้องขังไทยได้รับการเอื้อผลประโยชน์คล้ายผู้ต้องขังจีนแบบนี้หรือไม่ นายสนธิญากล่าวว่า จริง ๆ ผู้ต้องขังหรือนักโทษชาวไทยได้รับการเอื้อผลประโยชน์มานานแล้ว แต่จะเป็นรูปแบบของการให้อภิสิทธิ์แก่ผู้ต้องขังชั้นดีที่ใกล้จะออกจากเรือนจำในการขออนุญาตผู้บัญชาการเรือนจำฯ ต่าง ๆ เป็นรายกรณีที่จะออกไปข้างนอกได้ เช่น ไปงานศพคนในครอบครัวหรืออาจจะไปรับประทานอาหาร บางรายถึงขนาดไปนั่งรับประทานอาหารริมทะเล แต่ยังมีผู้คุม 2 คนควบคุมไปด้วยและใช้รถของกรมราชทัณฑ์ แต่ประเด็นเหล่านี้ตนไม่มีปัญหาและไม่ได้รู้สึกจิตใจ เพราะมองเป็นเรื่องปกติและกำหนดให้เฉพาะนักโทษชั้นดีเท่านั้น แต่เรื่องการนำผู้หญิงเข้าไปบนปรนนิบัติแบบนี้ ตนไม่ทราบมาก่อนว่าเคยมีหรือไม่ รวมทั้งกรณีผู้ต้องขังชาวจีนแบบนี้ ตนรับไม่ได้อย่างมาก
นายสนธิญา ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยร้องเรียนกับทาง กกต. ว่า มีกลุ่มจีนเทาให้การสนับสนุนพรรคการเมืองพรรคหนึ่งในการลงเลือกตั้งที่จังหวัดนครศรีธรรมราชครั้งที่ผ่านมา โดยมีกระแสเงินสะพัดกว่า 100 ล้านบาท และให้วัว 60 ตัว แต่ตนไม่แน่ใจว่า เป็นกลุ่มจีนเทาเดียวกันกับที่ก่อเหตุครั้งนี้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน