วันที่ 12 มิ.ย. 2568 – นักวิทยาศาสตร์จากเครือข่าย World Weather Attribution (WWA) เปิดเผยข้อมูลน่ากังวลเกี่ยวกับคลื่นความร้อนที่พัดถล่ม กรีนแลนด์ และ ไอซ์แลนด์ ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าอุณหภูมิที่สูงผิดปกติในช่วงต้นฤดูร้อนนี้ เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ และอาจนำไปสู่ผลกระทบในวงกว้างต่อภูมิอากาศทั่วโลก

ในรายงานระบุว่า แผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์ละลายอย่างรวดเร็วผิดปกติหลายเท่าตัวจากอัตราปกติ ขณะที่บางพื้นที่ของไอซ์แลนด์อุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 10 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะที่สนามบิน เอยิลส์สตาเดียร์ วัดได้สูงถึง 26.6°C เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของเดือนพฤษภาคมในประวัติศาสตร์ของประเทศ

ภาพจาก เว็บไซต์ : apnews

ดร.ฟรีเดอริเกอ ออตโต รองศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศจาก Imperial College London และหนึ่งในผู้เขียนรายงาน เผยว่า “คลื่นความร้อนที่รุนแรงในพื้นที่อาร์กติกเช่นนี้ ควรจะเกิดขึ้นได้ยากมาก มีโอกาสเพียง 1% ต่อปีเท่านั้น แต่กลับมีแนวโน้มเกิดบ่อยขึ้นถึง 40 เท่าเมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม อันเป็นผลจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเชื้อเพลิงฟอสซิล”

ผลกระทบจากการละลายของแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ไม่เพียงแต่เพิ่มปริมาณน้ำจืดมหาศาลลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อ กระแสหมุนเวียนของมหาสมุทร (Atlantic Meridional Overturning Circulation - AMOC) ซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงน้ำอุ่นจากอ่าวเม็กซิโกไปยังยุโรป หากกระแสนี้ชะลอตัวลง จะส่งผลให้สภาพอากาศโลกแปรปรวนรุนแรงยิ่งขึ้น

ภาพจาก เว็บไซต์ : apnews

ทั้งนี้ ปกติฤดูกาลละลายของแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์จะเริ่มในเดือนมิถุนายน แต่ปีนี้กลับเริ่มตั้งแต่พฤษภาคม ทำให้ฤดูกาลละลายน้ำแข็งยาวนานกว่าปกติ ซึ่งจะยิ่งเร่งให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น กระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งทั่วโลก และเพิ่มความเสี่ยงต่อประเทศเกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก

การค้นพบนี้เกิดขึ้นในช่วงที่นานาชาติกำลังให้ความสนใจกับกรีนแลนด์มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านทรัพยากรแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์ ท่ามกลางความกังวลว่า ภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้โลกเปลี่ยนแปลงในระดับที่ยากจะควบคุม หากยังไม่เร่งดำเนินมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง

ภาพจาก เว็บไซต์ : apnews

เรียบเรียงเนื้อหาโดย สยามนิวส์