เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 10 พ.ย. 2568 รัฐบาลกัมพูชามีความกังวลอย่างยิ่งต่อรายงานข่าวหลายฉบับที่อ้างคำกล่าวของผู้นำของประเทศไทยที่ระบุว่า ประเทศไทยได้ระงับการดำเนินการตามปฏิญญาร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและประเทศไทย ซึ่งได้ลงนามและเป็นพยานโดยฯพณฯ โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา และฯพณฯ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานอาเซียน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2025
มีรายงานว่า เหตุระเบิดจากทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2025 ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสามนายในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา - ไทยของพนมทรอป ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงปราสาทพระวิหารของกัมพูชา ถูกอ้างว่าเป็นเหตุผลที่ประเทศไทยระงับการดำเนินการตามปฏิญญาร่วม และยังมีการยกเลิกการประกาศที่กำหนดไว้ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2025 เกี่ยวกับการที่ทหารกัมพูชา 18 นายยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในประเทศไทย
รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงต่อข้อกล่าวหาของประเทศไทยที่ว่า กัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่บริเวณชายแดนติดกับประเทศไทย เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทราบข้อเท็จจริงที่เป็นที่ทราบกันดีว่า พื้นที่ทุ่นระเบิดส่วนใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นเกือบสามทศวรรษของสงครามกลางเมืองกัมพูชาในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 และตลอดแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย ยังไม่ได้รับการกวาดล้าง เนื่องจากพื้นที่ที่ยากลำบากและสถานะที่ไม่ได้ปักปันเขตแดนของพื้นที่ชายแดน
รัฐบาลกัมพูชาขอประกาศยืนยันว่า กัมพูชายังคงยึดมั่นในการดำเนินการตามปฏิญญาร่วม ซึ่งได้ลงนามท่ามกลางเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางจากประชาคมระหว่างประเทศ กัมพูชาในฐานะผู้สนับสนุนอย่างแข็งขันต่ออนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลสากลไม่เคยวางทุ่นระเบิดใหม่ และจะไม่มีวันทำเช่นนั้น