เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 4 พ.ย. 68 ที่ผ่านมา สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า นับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกาในฐานะทูตสันติภาพ เราได้เห็นความก้าวหน้าที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงการจัดประชุม JBC และ RBC รวมถึงการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่พิพาทครั้งแรก ภายใต้การกำกับดูแลและการตรวจสอบของทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) นี่ถือเป็นก้าวสำคัญในการยุติหรือผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นพัฒนาการที่เราทุกคนควรเฉลิมฉลอง
อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบคุณ และเห็นว่าจำเป็นต้องแจ้งให้ประชาชนกัมพูชาทราบอย่าเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเปิดด่านตรวจชายแดนกัมพูชา-ไทยอีกครั้ง ในระยะหลังนี้ ผู้นำไทยบางท่านได้หยิบยกประเด็นการเปิดด่านชายแดนขึ้นมาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งอาจกลายเป็นประเด็นหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงในประเทศไทย
คำพูดซ้ำ ๆ ของผู้นำไทย รวมถึงนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการเปิดด่านชายแดนอีกครั้ง ก่อให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชนชาวกัมพูชาและไทย ทำให้บางคนเชื่อว่ากัมพูชาได้ร้องขอให้ไทยเปิดพรมแดนอีกครั้ง
ผมไม่ต้องการให้ชาวกัมพูชาต้องนอนกับข้อมูลที่บิดเบือนนี้ สำหรับประชาชนไทย เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในที่อาจถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการเลือกตั้ง โดยการเปิดพรมแดนอาจถูกนำไปใช้เป็นหัวข้อหาเสียงเลือกตั้ง
ผมขอย้ำถึงประชาชนชาวกัมพูชาอีกครั้งว่า นับตั้งแต่ไทยปิดพรมแดนฝ่ายเดียว กัมพูชาก็ไม่เคยขอให้ไทยเปิดพรมแดนอีกเลย หากไทยต้องการปิดพรมแดนต่อไปอีก 100 หรือ 500 ปี นั่นเป็นการตัดสินใจของพวกเขาโดยสิ้นเชิง เพราะกุญแจสำคัญอยู่ในมือของไทย
การปิดพรมแดนครั้งนี้ไม่ได้นำไปสู่ความล่มสลายของกัมพูชา แต่กลับสร้างโอกาส กระตุ้นให้เกิดการเพิ่มขึ้นของสินค้าภายในประเทศ แทนที่สินค้าไทย และกระตุ้นการเติบโตของการผลิตภายในประเทศ
ข้าพเจ้าได้แจ้งให้มิตรประเทศและคู่เจรจาระหว่างประเทศของเราทราบว่า การปิดพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาไม่เพียงแต่เป็นการตัดขาดความสัมพันธ์ทวิภาคีเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำลายอาเซียนและเอเชียโดยรวมอีกด้วย แล้วทางหลวงอาเซียน ทางรถไฟอาเซียน และทางหลวงเอเชียจะเป็นอย่างไรต่อไป ?
ข้าพเจ้าหวังว่าข้อความนี้จะไปถึงผู้นำไทยและประชาชนชาวไทย และชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากัมพูชาไม่ได้ร้องขอให้เปิดด่านชายแดนอีกครั้ง เช่นเดียวกัน ข้าพเจ้าหวังว่าประชาชนชาวกัมพูชาจะไม่ถูกหลอกให้คิดว่ารัฐบาลกำลังลดตัวลงเพื่อขอความร่วมมือจากไทยในการเปิดพรมแดนอีกครั้ง