วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา นายวัชระ หรือสิงห์ อายุ 24 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดไชยา ที่ 154/2568 ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2568 หลังบวชเป็นพระเพื่อหลบหนีคดี กระทำชำเราเด็กอายุ 14 ปี อ้างว่าเด็กสมัครใจ
ผู้ต้องหาถูกตั้งข้อหา กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, พาบุคคลซึ่งถูกกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด, ปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร
เจ้าหน้าที่จับกุมตัวผู้ต้องหาบริเวณหน้า ธนาคารกรุงไทย สาขาพุนพิน ถนนธราธิบดี ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พฤติการณ์ตำรวจทางหลวงสุราษฎร์ธานี เฝ้าติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดไชยา ขณะผู้ต้องหาหลบหนีและบวชเป็นพระในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้รับข้อมูลจากสายลับ ก่อนร่วมประชุมวางแผนและสามารถจับกุมตัวได้เมื่อเวลา 18.45 น. พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไชยา ดำเนินคดีต่อไป
เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเดือนมิถุนายน 2567 ขณะผู้ต้องหายังเป็นทหารกองเกินประจำการ ผู้ต้องหามักไปนั่งเล่นอยู่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอไชยา พบ ด.ญ.เดียร์ (นามสมมุติ) นักเรียนชั้น ม.2 มีรูปลักษณ์น่ารัก จนเกิดความสนิทสนมและไว้วางใจต่อกัน ผู้ต้องหาได้ชักชวน ด.ญ.เดียร์ หนีเรียนไปเที่ยว เธอตกลงไปด้วย จากนั้นพาเข้ารีสอร์ตแห่งหนึ่งในอำเภอไชยา โดยอ้างว่าเด็กยินยอมไปด้วย ต่อมาผู้ปกครองของ ด.ญ.เดียร์ ทราบว่าผู้ต้องหาพาลูกสาวเข้ารีสอร์ตและกระทำชำเรา จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ทำให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องหา
หลังผู้ต้องหาทราบว่ามีหมายจับ จึงหลบหนีไปอยู่ต่างอำเภอและบวชเป็นพระ เตรียมเดินทางไปจำวัดในภาคกลาง แต่ตำรวจทางหลวงสุราษฎร์ธานีสามารถติดตามจับกุมไว้ได้ก่อน
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ตำรวจสอบสวนกลางเตือนภัยว่า การกระทำชำเราหรือกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไม่ว่าเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย มีอัตราโทษสูง อ้างว่าเด็กยินยอมก็ไม่พ้นผิด และขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันภัย พร้อมเตือนผู้ที่คิดจะกระทำความผิดต่อเด็กหรือเยาวชนว่ามีโทษสูงสุดตามกฎหมายกำหนด