 
                            วันที่ 31 ต.ค.2568 นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ภาพข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อ หมอเจด ระบุว่า ท้องเสียเรื้อรัง หรือ ปวดท้องบ่อย ๆ หลายคนอาจจะมีอาหารนี้ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ และคิกว่าจะหายไปเองนะ จริงๆแล้วมันคืออาการที่ลำไส้กำลังผิดปกติ เราเรียกโรคนี้ว่า Inflammatory Bowel Disease (IBD) ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่ทำให้ลำไส้ของเรามีการอักเสบแบบเรื้อรัง ที่พบบ่อยมี 2 โรค คือ Crohn’s disease: อักเสบได้ทุกส่วนของระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่ปากไปจนถึงรูทวาร , Ulcerative colitis: จะอักเสบแค่ที่ลำไส้ใหญ่เท่านั้น โดยเริ่มจากล่างสุดแล้วลามขึ้นไป
บางคนอยู่กับอาการพวกนี้มาเป็นปี ๆ กินยาแก้ท้องเสีย แก้ปวดท้องก็ไม่ดีขึ้น เพราะจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องอาหารไม่ย่อยหรือกระเพาะธรรมดา ซึ่งโรคนี้ปล่อยไว้ก็เสี่ยงมะเร็งลำไส้นะครับ ลองมาเช็กกันครับว่า ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ 5 ข้อที่ผมจะเล่าต่อไป อาจถึงเวลาต้องพบหมอแล้วจริง ๆ นะ
1. ปวดท้องบ่อย จนชีวิตติดขัด เรื่องปวดท้องนี่ใคร ๆ ก็เคยเป็น แต่ปวดที่หมอพูดถึงวันนี้ ไม่ใช่แค่ปวดนิดหน่อยตอนหิวหรือหลังกินเผ็ดนะ แต่มันคืออาการปวดท้องแบบที่ เป็นประจำ เป็นเรื้อรัง และมักจะมาแบบไม่บอกล่วงหน้า ถ้าเป็น Crohn’s disease จะปวดที่ ด้านขวาล่างของท้อง (เพราะตรงนั้นคือลำไส้เล็กส่วนปลาย ที่มักอักเสบ) , ถ้าเป็น Ulcerative colitis มักจะปวดที่ ด้านซ้ายล่าง หรือ ท้องน้อย อาการอาจปวดหน่วง ปวดบีบ เหมือนท้องจะระเบิด บางคนปวดจนต้องหยุดทำงาน หยุดเที่ยว หรือไม่กล้าออกจากบ้านเลยก็มี สิ่งที่น่าสงสัยคือ มัน ปวดซ้ำ ๆ ปวดเรื้อรัง และยาคลายกล้ามเนื้อก็เอาไม่อยู่ ถ้าคุณมีอาการปวดท้องแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ แนะนำว่าอย่ารอให้มันหายเองครับ ควรไปหาหมอและตรวจหาสาเตุจริงๆนะครับ
2. ถ่ายเหลวบ่อย ๆ หรือมีมูกเลือดปน อีกอาการที่คนส่วนใหญ่มองข้ามเลยคือ ท้องเสีย แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นแค่วันสองวัน แล้วหาย แต่กลับเป็นแบบ ถ่ายวันละ 3-5 รอบ ถ่ายทุกวัน ถ่ายเรื้อรังเป็นเดือน ๆ อันนี้ต้องเริ่มสงสัย IBD ถ้าเป็น Ulcerative colitis อุจจาระจะมักมี มูกปนเลือด ด้วยนะ , ถ้าเป็น Crohn’s disease อาจถ่ายเหลว ถ่ายมัน ๆ คล้ายมีไขมันปน อันนี้มันกระทบกับการใช้ชีวิตมากนะ บางคนถ่ายจนผอม ถ่ายจนเหนื่อย ต้องตื่นกลางคืนมาห้องน้ำหรือกลัวการไปเที่ยว เพราะหา ห้องน้ำไม่ทัน และไม่ใช่เพราะกินอะไรผิดนะครับ เพราะบางคนกินอาหารอ่อนๆ อย่างข้าวต้มเปล่าก็ยังถ่าย ถ้ามีอาการถ่ายเหลวเรื้อรัง หรือมีเลือดในอุจจาระอยู่บ่อย ๆ แบบนี้ต้องรีบหาหมอนะ
3. น้ำหนักลดแบบไม่รู้ตัว กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน อาการนี้หลายคนดีใจ แต่บอกเลยว่า ถ้าน้ำหนักลดแบบไม่ได้ตั้งใจอไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ เพราะ IBD ทำให้ลำไส้ของเราดูดซึมสารอาหารได้น้อยลง ร่างกายเลยเหมือน ขาดพลังงานตลอดเวลา บางคนกินปกติ กินเยอะด้วยซ้ำ แต่น้ำหนักยังค่อย ๆ ลด หรือบางคนก็เริ่มเบื่ออาหาร เพราะรู้สึกไม่ย่อย กินแล้วแน่นท้อง พอไม่อยากกิน น้ำหนักก็ยิ่งลด ใน Crohn’s disease จะเจอเยอะมาก เพราะตรงที่อักเสบคือ ลำไส้เล็ก ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการดูดซึมอาหาร ถ้าคุณน้ำหนักลด 5-10 กิโลในไม่กี่เดือน โดยที่ไม่ได้ตั้งใจลด อย่าคิดว่าเป็นเรื่องดี ควรหาสาเหตุทันที
4. รู้สึกเหนื่อยง่าย ซีด เพลีย ไม่มีแรง บางคนอาจไม่ได้ปวดท้องหนัก หรือถ่ายเยอะ แต่กลับรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลีย ทั้งที่ไม่ได้ป่วยหนักอะไร , เดินนิดเดียวก็เหนื่อย , หัวใจเต้นเร็ว , มือเท้าเย็น , ง่วงทั้งวัน , หรือหน้าซีด ปากซีด
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า ลำไส้ที่อักเสบ ทำให้เสียเลือด และดูดซึมธาตุเหล็กไม่ดี บางคนมีโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron deficiency anemia) บางคนขาดวิตามิน B12 หรือโฟเลต ซึ่งล้วนจำเป็นในการสร้างเม็ดเลือด โดยเฉพาะ Crohn’s disease ซึ่งมักมีแผลในลำไส้เล็ก ทำให้ดูดซึมพวกนี้ไม่ดีเลย ถ้าคุณเหนื่อยง่าย เพลียแบบไม่มีเหตุผล ควรลองตรวจเลือดดูระดับฮีโมโกลบิน แล้วให้หมอช่วยดูว่ามีโรคเรื้อรังแอบแฝงอยู่รึเปล่า
5. มีอาการแปลก ๆ นอกลำไส้ เช่น ปวดข้อ ผื่นขึ้น ตาแดง หลายคนไม่รู้ว่า IBD มันไม่ได้จบแค่ใน ลำไส้ เพราะจริง ๆ แล้วมันคือ โรคของภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจแสดงอาการในส่วนอื่นของร่างกายด้วย ซึ่งมันอาจจะแสดงอาหารแบบนี้นัครับ , ข้ออักเสบ โดยเฉพาะข้อมือ ข้อเข่า ข้อเท้า , ผื่นแปลก ๆ เช่น ตุ่มแดงที่หน้าแข้ง หรือผิวหนังอักเสบ , ตาอักเสบ เจ็บตา แสบตา แพ้แสง
พวกนี้คืออาการที่เรียกว่า Extra-intestinal manifestations ซึ่งเกิดจากภูมิคุ้มกันที่ทำงานผิดปกติร่วมกันกับลำไส้ ถ้ามีอาการทางผิวหนัง ข้อ หรือดวงตา แล้วมีท้องเสียร่วมด้วย อย่ามองเป็นเรื่องคนละเรื่องเลยครับ เพราะมันอาจมาจาก IBD ได้
สรุปแล้วนะครับลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD) เป็นโรคที่ไม่ได้หายขาดง่าย ๆ แต่ถ้าเรารู้ทันเร็ว และเริ่มดูแลตั้งแต่ยังไม่หนักมาก ก็สามารถควบคุมโรคให้ นิ่ง อยู่ได้นาน ย้ำเลยว่า การชินกับอาการผิดปกติ นี่แหละ อันตรายที่สุด บางคนปวดท้องบ่อย ถ่ายเหลวประจำ เหนื่อยง่าย แต่นึกว่าแค่อาหารไม่ย่อยหรือพักผ่อนไม่พอ สุดท้ายปล่อยไว้นาน กลายเป็น IBD ระยะที่มีแผลเรื้อรังแล้วต้องใช้ยารักษาหนักขึ้นเรื่อย ๆ
แนวทางรักษาในปัจจุบันไม่ได้มีแค่ยาเท่านั้น หลายครั้ง การปรับพฤติกรรมง่าย ๆ เช่น กินอาหารที่ย่อยง่าย , หลีกเลี่ยงของมัน ของทอด ,  และการเสริมอาหารที่มีจุลินทรีย์ดีอย่าโพรไบโอติกส์ในลำไส้มันช่วยสร้างสมดุลให้จุลินทรีย์ในลำไส้
ลดการอักเสบ และช่วยให้เยื่อบุลำไส้ฟื้นตัวได้ดีขึ้น หรือเลือกเป็นอาาหรเสริมที่เลือกสายพันธุ์ให้เหมาะกับลำไส้ ไม่ได้แทนการรักษานะครับ แต่เป็นตัวช่วยเสริมให้ระบบย่อยของเรากลับมาแข็งแรงมากขึ้น สุดท้าย ไม่ว่าคุณจะใช้ยา อาหาร หรือพึ่งโพรไบโอติกส์เป็นตัวช่วย อย่าลืมว่าหัวใจของการดูแลโรคนี้คือสังเกตอาการ และรีบปรับตัวตั้งแต่เนิ่นๆนะครับ ใครมีคำถามหรือสงสัยตรงไหน คอมมนต์ได้เลยนะ

ภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก : หมอเจด
เรียบเรียงโดย สยามนิวส์
