วันนี้ (9 ต.ค 68) ที่ศูนย์รับแจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง นางสาว นลิน โรจนวัทธิกร เจ้าของเพจห้วยแถลง พาผู้เสียหาย 13 คน ที่ถูก นุ่นหวยทิพย์ และพวกที่หลอกลวงผู้เสียหายในหลายรูปแบบ อาทิ โควต้าสลากทิพย์, สินค้าปลอดภาษีอ้างคิงส์พาวเวอร์, การซื้อขายนาฬิกาแบรนด์เนม-รถยนต์-อสังหาริมทรัพย์ และการฝากงาน มูลค่าความเสียหายประมาณ 300 ล้านบาท มาแจ้งความกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. เพื่อเอาผิดตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ ที่ไม่ดำเนินการให้ทันส่งฟ้องผู้ต้องหา ว่ามีความผิดใน ม.157 หรือไม่
นางสาว นลิน โรจนวัทธิกร กล่าวว่า ต้องการมายื่นหลักฐานให้ บก.ปปป. เนื่องจากผู้เสียหายไปร้องตำรวจไซเบอร์ ให้ดำเนินคดีกับ ผู้ต้องหา เมื่อปี 2567 แต่เมื่อแจ้งความไปแล้วกลับไม่มีความคืบหน้าทางคดี ทำให้ไม่สามารถส่งฟ้องผู้ต้องหาได้ทัน ใน 7 ผัด ซึ่งระหว่างนั้น มีผู้เสียหายรายหนึ่ง ชื่อ นางลักษณ์ อายุ 51 ปี เสียหาย ประมาณ 173 ล้านบาท นำหลักฐานแบบเดียวกันที่ร้องกับไซเบอร์ไปฟ้องศาล ซึ่งศาลประทับรับฟ้อง ได้ทันในจังหวะที่จะหมดผัดที่ 7
คดีนี้ศาลพิพากษา จำคุก แก๊งดังกล่าว 3 คน 1 ในนั้นมี นุ่น ร่วมด้วย และ ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา นุ่นให้การรับสารภาพ และเซ็นชำระหนี้กับนางลักษณ์แล้วแต่คดีอื่นที่ผู้เสียหายไปร้องยังไม่มีมีการดำเนินคดี
ซึ่งผู้เสียหาย ที่ถูกกลุ่มนี้หลอก มีมากกว่า 13 คน ได้เคยไปแจ้งความ ใน 20 สน. และ สภ.หลายแห่งทั่วประเทศ แต่คดีไม่มีความคืบหน้า พนักงานสอบสวนไม่มีการขอเอกสารเพิ่มเติม หรือสอบปากคำเพิ่มเติม ทำให้นำสำนวนที่ส่งไปยังอัยการอ่อน และมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง ทั้งที่ ผู้ต้องหาก่อเหตุมานานนับ 10 ปี
นางสาวนลิน ยังบอกอีกว่า ตนทราบมาว่า นุ่น มีญาติเป็นนักการเมืองพรรคหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี และมีสามีที่ทำงานอยู่ในพรรคการเมือง และสามีเคยแอบอ้างนักการมีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ที่เป็นหัวหน้าพรรคแห่งหนึ่งในภาคอีสาน
แชทไปคุยกับผู้เสียหายเพื่อหลอกลวงอีกด้วยและตนยังทราบว่าอีกว่า มีเส้นเงินที่ผู้เสียหายโอนเงินไปยังแก๊งของนุ่นและถูก โอนต่อไปยังบัญชีของหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคดังกล่าว อีกด้วย จึงทำให้รู้สึกเป็นกังวลว่าผู้ต้องหาอาจจะมีกลุ่มผู้มี อิทธิพลสนับสนุนอยู่เบื้องหลังหรือไม่
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน