จากกรณีครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดพังงา ใช้ฟุตเหล็กตีเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนได้รับบาดเจ็บฟกช้ำ เนื่องจากเด็กแอบหยิบขนมไปกิน โดยแม่ของเด็กเผยว่า ตนไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียนในวันนั้น จึงเป็นเหตุให้ลูกหยิบขนมของครูมากิน ทำให้กรณีดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจและกระแสวิพากษ์อย่างหนักในสังคมออนไลน์ ตามที่ได้รายงานไปก่อนหน้าเเล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 4 ตุลาคม 2568 มีรายงานว่า ที่บ้านของเด็ก พบว่ามีทั้งพระสงฆ์และชาวบ้านจำนวนมาก นำขนม ข้าวของเครื่องใช้ และทุนการศึกษา มามอบให้กับน้อง ป.1 เพื่อให้กำลังใจ หลังทราบว่าครอบครัวมีฐานะยากจน และเด็กอยู่กับแม่เพียงลำพัง
ในบรรดาของที่ชาวบ้านนำมามอบให้ มี ขนมมาร์ชเมลโล่ จำนวนหลายกล่อง ซึ่งบางคนถึงกับชิมโชว์พร้อมพูดติดตลกว่า จะโดนครูตีไหมเนี่ย บรรยากาศเต็มไปด้วยความเอ็นดูและความสงสาร โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ยอมรับว่า เด็กอาจผิดที่แอบหยิบขนม แต่ยืนยันว่า วิธีการทำโทษของครูรุนแรงเกินไป
ด้าน แม่ของเด็กนักเรียน เปิดเผยว่า หลังเกิดเรื่อง พ่อแม่ของครูรายดังกล่าวได้ติดต่อมาเพื่อขอโทษ แต่ด้วยความโกรธและเสียใจ จึงตอบกลับไปว่า ไม่ต้องมาก็ได้ เพราะในช่วงแรก ๆ ครูไม่แสดงความรับผิดชอบใด ๆ พร้อมฝากถึงครูว่า อย่าไปทำแบบนี้กับลูกหลานใครอีก ถ้าควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หรือไม่มีความเป็นครู ก็ลาออกไปเถอะ
ขณะเดียวกัน นางดาวเรือง อายุ 43 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งมีลูกเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน กล่าวว่า ตนรับไม่ได้กับพฤติกรรมของครู แม้เด็กจะผิดจริง แต่ครูมีวิธีสั่งสอนอีกมากมายโดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง พร้อมเผยว่า ตอนนี้ชาวบ้านเริ่ม ไม่ไว้วางใจให้ลูกไปเรียนกับครูคนนี้ แล้ว
พร้อมกันนี้ นางดาวเรือง ยังกล่าวอีกว่า หลังข่าวเผยแพร่ออกไปในโซเชียล กระแสวิจารณ์รุนแรงมาก ถึงขั้นมีคนขุดประวัติครูรายนี้ และในช่วงเช้าวันเดียวกัน ยังมีชายสองคนเดินทางมาสอบถามหาบ้านของเด็กและครู พร้อมพูดว่า อยากจะตบครู ซึ่งสร้างความกังวลให้กับชาวบ้านในพื้นที่อย่างมาก
ทั้งนี้ ด้าน นายรัตน์ อุหม่อง กำนันตำบลนาสัก และ นายณรงค์เดช วงศ์อ้าย ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า เข้าใจว่าครูอาจต้องการสั่งสอนเด็ก แต่การทำโทษด้วยการตีจนบาดเจ็บถือว่าเกินกว่าเหตุ พร้อมระบุว่า ตอนนี้ชาวบ้านจำนวนมากไม่ต้องการให้ครูอยู่ในพื้นที่แล้ว เพราะกระแสต้านในโลกออนไลน์แรงมาก ทั้งคู่จึงเรียกร้องให้หน่วยงานต้นสังกัดของครูรายนี้ เร่งพิจารณาย้ายออกจากพื้นที่ชั่วคราว เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดและความไม่ไว้วางใจระหว่างครูกับชาวบ้าน