เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ พร้อมด้วย นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี แถลงว่า เมื่อค่ำวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการข่าวในพื้นที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า จะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจากชายแดนจังหวัดกาญจนบุรีเข้ามายังพื้นที่ตอนในของประเทศ
จากข้อมูลดังกล่าว พล.ต.อัษฎาวุธ จึงสั่งการให้ พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 ในฐานะผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ พร้อมด้วย พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า จัดกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 134, ฝ่ายปกครองอำเภอสังขละบุรี และสถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี ออกลาดตระเวนในพื้นที่เป้าหมาย
กระทั่งเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่พบรถตู้สีขาว เลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดอยู่บริเวณริมถนนข้างบ่อขยะ ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ลักษณะรถมีน้ำหนักบรรทุกผิดปกติ จึงเข้าตรวจสอบ พบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายสัญชาติเมียนมา จำนวน 43 ราย แบ่งเป็นชาย 23 ราย และหญิง 20 ราย บรรทุกอย่างแออัดอยู่ภายในห้องโดยสารของรถตู้คันดังกล่าว
/>
แรงงานทั้งหมดไม่มีเอกสารประจำตัว และไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ทั้งหมด ก่อนสอบถามข้อมูลเบื้องต้นผ่านล่าม แรงงานทั้งหมดให้การว่า เดินทางมาจากภูมิภาคพะโคและจังหวัดย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา โดยลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณบ้านบ่อญี่ปุ่น อำเภอสังขละบุรี จากนั้นใช้เส้นทางหลบเลี่ยงจุดตรวจผ่านป่าและแม่น้ำเพื่อเดินทางเข้าสู่พื้นที่ตอนใน
ต่อมา มีชายไม่ทราบชื่อขับรถตู้คันดังกล่าวมารับและจะพาทั้งหมดไปยังจังหวัดสมุทรสาคร ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร เพื่อทำงาน โดยทั้งหมดตกลงจะจ่ายค่าจ้างให้นายหน้าเมื่อถึงปลายทาง ในอัตราคนละ 14,000 – 20,000 บาท แต่ถูกจับกุมได้เสียก่อน
ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวแรงงานทั้งหมดพร้อมของกลางคือรถตู้ ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และดำเนินการขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป