จากกรณี นางรัตนา อายุ 60 ปี ชาวบ้านโนนสะอาด ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดนแก๊งเงินกู้นอกระบบ มาเก็บเงินรายวัน แต่ นางรัตนา ไม่มีให้ ผัดผ่อนเป็นวันต่อไป ทำให้แก๊งเงินกู้โมโหได้ด่าทอ
ทำให้ นายสุริยะ อายุ 38 ปี ลูกชาย นางรัตนา ไม่พอใจอยู่แล้ว เพราะแค้นที่แก๊งเงินกู้ฉีดยากำจัดปลวกใส่กระติกน้ำดื่ม ลูกสาววัย 8 ขวบมาดื่มจนอาเจียน ได้ชวนญาติถือมีดพร้ามาไล่ฟันแก๊งเงินกู้ซึ่งมี 2 คน จนต้องขับรถปิกอัพหลบหนี แต่เปลี่ยนใจขับรถกลับมา ชักปืนไล่ยิงนายสุริยะ 3 นัด หลังยิงเสร็จได้ขับรถหลบหนีไป
โชคดีที่ชาวบ้านถ่ายคลิปไว้ได้ และมีปลอกกระสุนปืน .32 จำนวน 3 ปลอกตกที่เกิดเหตุ จึงนำไปแจ้งตำรวจ เหตุเกิดเที่ยงวัน วันที่ 29 สิงหาคม 2568 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด นายชาญ อายุ 26 ปี และ นายปาล์ม อายุ 31 ปี ทั้งคู่อาศัยอยู่ ต.หมูม่น อ.เมือง จ.อุดรธานี เข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.พิเชฐ ปักเคธาติ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร สว.สส.ที่ สภ.เมืองอุดรธานี
แสดงตัวเป็นแก๊งเงินกู้ที่ไล่ยิงชาวบ้านตามที่เป็นข่าว จึงควบคุมตัวไปค้นหาบ้าน พบอาวุธปืนสั้นแบลงค์กัน 1 กระบอก กระสุนลูกแบลงค์ 3 นัด ที่ห้องนอนนายชาญชัย อ้างว่าใช้ไล่ยิง นายสุริยะ จึงควบคุมตัว พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนแบลงค์กัน และกระสุนลูกแบงก์ รถปิกอัพยี่ห้อ สีบรอนซ์ ที่ใช้ขับไปก่อเหตุ จากนั้นจึงควบคุมไปสอบสวนที่ สภ.เมืองอุดรธานี
จากการสอบสวน นายชาญ ให้การรับสารภาพว่า ตนเคยเป็นพนักงานเก็บเงินนอกระบบ มาก่อน แต่นายจ้างได้เลิกกิจการไป ตนรู้ลู่ทางในการปล่อยเงินกู้และเก็บเงินกู้นอกระบบ จึงได้นำเงินตัวเองไปลงทุนปล่อยให้ลูกค้าเก่าที่ตนรู้จักแล้วเก็บเอง
ส่วนนายปาล์ม ตนรู้จักกันที่ร้านอาหารชอบพอนิสัย จึงชวนมาอยู่ด้วยและลงทุนรวมกันปล่อยเงินกู้ ตนปล่อยเงินกู้ให้ลูกค้าในหมู่บ้านโนนสะอาด 7 ราย ปิดบัญชีไปแล้ว 2 ราย เหลือ 5 ราย รวมทั้งนางรัตนาด้วย ซึ่งนางรัตนามาขอกู้เงินจากตน 4,000 บาท เก็บวันละ 200 บาท 24 วัน แต่นางรัตนาส่งได้ 12 วัน พอสามีป่วยต้องฟอกไตจึงมาผ่อนวันละ 100 บาท ตนก็ยอม จะได้หมดหนี้และปิดบัญชีไป
นายชาญ ให้การต่อไปว่า วันเกิดเหตุ ตนไปเก็บเงินกับ นางรัตนา แต่ นางรัตนา บอกว่า ฝากเงินกับชาวบ้านไว้ให้แล้ว ตนจึงถามว่า ฝากไว้กับใคร ไม่มีคนจ่าย พูดแค่นั้นลูกชายนางรัตนาก็ถือมีดจะเข้ามาฟันพวกตน ซึ่งมีญาติเป็นชายฉกรรจ์ประมาณ 6-7 คน เข้ามารุมพวกตน เขาเงื้อมีดจะฟันตน จึงจับมือลูกชายนางรัตนาเอาไว้ แล้วผลักออก
จากนั้นก็เดินออกไปถนน เปิดรถปิกอัพเอามีดตะขอที่พวกตนพกไว้สำหรับไปหาหน่อไม้มาป้องกันตัว พวกเขาก็ตามมาจะฟันพวกตน จึงตัดสินใจขึ้นรถปิกอัพขับหลบหนี พอขับมาถึงสี่แยกพวกตนแค้นที่โดนรุม เพราะไม่เคยถูกลูกหนี้มากระทำแบบนี้มาก่อน จึงเลี้ยวรถกลับไปเห็นกลุ่มที่ไล่ฟันพวกตนยืนอยู่ถนน และพูดจาท้าทายว่า ถ้ามีปืนก็ยิงเลย ตนจึงใช้ปืนแบลงค์กันที่พกไปด้วยไล่ยิงไป 3 นัด พวกที่มารุมฟันตนวิ่งหนีแตกกระเจิง
“ส่วนกรณีที่กล่าวหาว่า พวกตนฉีดยากำจัดปลวกฉีดใส่กระติกน้ำดื่ม จนลูกสาวนายสุริยะวัย 8 ขวบดื่มน้ำแล้วอาเจียน ตนขอปฎิเสธ พวกตนไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ถ้าทำพวกตนยอมรับผิด เรื่องเอากระป๋องฉีดยากำจัดปลวกเผาตู้เสื้อผ้า ตู้กับข้าว และตู้เย็น ก็ไม่เคยทำ เพราะเวลาไปเก็บเงินรายวัน ก็จะเห็นลูกชายนางรัตนานั่งอยู่หน้าบ้านตลอด และไม่เคยมีปัญหา ส่วนเรื่องยึดต้นหอมของยายบุญเรือง 50 กก.นั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะยายบุญเรืองเป็นคนรับฝากเงินจากลูกหนี้มาจ่ายให้ตน แต่ยายบุญเรืองกลับเอาเงินที่ลูกหนี้ตนฝากไว้ไปใช้จ่าย ตนบอกว่า ทำไม่ถูก ต้องหาเงินมาปิดหนี้ให้หมด”
นายชาญ ให้การต่อไปอีกว่า ยายบุญเรือง กู้เงินพวกตน 1,000 บาท พวกตนไม่เก็บดอกเบี้ย ขอแค่เงินต้นคืนก็พอ ให้หาเงินมาปิดหนี้ตัวเอง ส่วนเงินที่เอาของคนอื่นไปใช้ก็หามาคืน แต่ก็ไม่หาเงินมาคืน และไม่เคยยึดต้นหอมของยายบุญเรืองเลย ไม่รู้ว่า จะเอาไปทำไม บ้านตัวเองก็ไม่มีสวน
ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ยิงในวันเกิดเหตุ เป็นปืนแบลงค์กัน ( BLANK GUN) และกระสุนลูกแบลงค์ ตนสั่งซื้อทางออนไลน์ในราคา 6,000 บาท และตนหันมาทำธุรกิจปล่อยเงินกู้นอกระบบได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น มีลูกค้าประมาณ 10 คน จะปล่อยเงินกู้ให้ลูกค้าไม่มาก เริ่มต้นที่ 1,000 บาท เก็บวันละ 50 บาท 24 วัน
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตอันควร” พร้อมควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป