เมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) นายเต๋า (นามสมมติ) นักธุรกิจจำหน่ายสีและทินเนอร์ วัย 43 ปี ได้นำหลักฐานเข้าพบนายปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ ดร.แก้ว เพื่อขอความเป็นธรรม หลังจากที่ถูกอดีตกิ๊กสาว ซึ่งเป็นพีอาร์ร้านอาหาร วัย 33 ปี ออกมากล่าวหาผ่านสื่อว่า ตนยังตามราวีไม่เลิก ส่งลูกน้องไปทำร้ายร่างกาย และพ่นสีรถยนต์ของเธอ โดยข้อความที่ถูกพ่นบนรถยังหยาบคายอีกด้วย
นายเต๋าเล่าว่า ตนเองรู้จักและคบหากับฝ่ายหญิงมาตั้งแต่ปี 2566 โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างรับรู้ว่าตนเองมีครอบครัวอยู่แล้ว และมีข้อตกลงว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับภรรยาของตน ตลอดระยะเวลาที่คบกัน ตนดูแลฝ่ายหญิงอย่างดี ทั้งค่าเช่าคอนโด ค่ารถ และค่าใช้จ่ายต่างๆ จนกระทั่งเดือนกันยายน 2567 ตนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ทำให้การติดต่อลำบากขึ้น เพราะภรรยาของตนคอยดูแลตลอดเวลา จนสุดท้ายจึงตัดสินใจเลิกรากันเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
นักธุรกิจหนุ่มยังระบุอีกว่า ช่วงก่อนเลิกรา ตนจับได้ว่าฝ่ายหญิงแอบคบคนอื่นอยู่ แต่ยังมาขอเงินจากตน ทำให้ตนรู้สึกถูกหลอก จึงพยายามทวงเงินบางส่วนคืน แต่ฝ่ายหญิงกลับหลบหน้า และยังส่งข้อความมาเยาะเย้ยว่า ตนโง่ให้เงินมาเอง
นอกจากนี้ นายเต๋ายังได้ชี้แจงถึงกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าตามราวีว่าไม่เป็นความจริง เพราะตนเองมีหลักฐานทั้งแช็ตพูดคุย สเตทเมนท์ธนาคาร และภาพถ่ายที่ยืนยันว่าเพิ่งจะเลิกกันไม่นาน ส่วนเรื่องที่ฝ่ายหญิงถูกทำร้ายหรือถูกพ่นสีรถนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเองเลย แต่เป็นเพราะเรื่องบาดหมางกับเพื่อนสาวที่ทำงานด้วยกัน
ด้าน ดร.แก้ว กล่าวว่า ตนได้ตรวจสอบหลักฐานของฝ่ายชายแล้ว พบว่ามีความน่าเชื่อถือและขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของฝ่ายหญิงอย่างมาก จึงยินดีให้ความช่วยเหลือทางด้านคดีความอย่างเต็มที่ และขอเตือนไปยังคู่กรณีว่าหากฝ่ายชายจบเรื่องแล้วก็ควรจบด้วย เพราะหากไม่จบอาจจะถูกฟ้องกลับได้เช่นกัน