เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.น.9 พ.ต.อ.กฤติเดช จันทร์เพชร ผกก.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ท.จารุกิตติ์พัฒน์ สุขยิ่ง รองผกก.สส.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ท.ขจร ธูปประกายศรี สว.สส.สน.บางขุนเทียน และชุดสืบสวน สน.บางขุนเทียน ร่วมกันจับกุมนายเอ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ภายในร้านอาหารป่าแห่งหนึ่งในเขตสาทร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้ต้องหาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ในปัจจุบัน
การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังหญิงผู้เสียหายในพื้นที่บางขุนเทียนเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ว่าทรัพย์สินมีค่าหลายรายการได้หายไปจากบ้านพัก รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท โดยผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า ช่วงกลางปี 2567 ที่ผ่านมา ได้เก็บทองคำแท่งหนัก 10 บาท จำนวน 3 แท่ง มูลค่าประมาณ 1,500,000 บาท เลสข้อมือทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น มูลค่า 156,000 บาท เลสข้อมือทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น มูลค่า 52,000 บาท เงินสดประมาณ 280,000 บาท และซองอั่งเปาอีก 10,000 บาท ไว้ในตู้เซฟซึ่งใช้กุญแจเปิด และเก็บกุญแจไว้ในห้องเดียวกัน
ผู้เสียหายเล่าย้อนกลับไปว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้ตรวจสอบพบว่าทรัพย์สินยังอยู่ครบถ้วน แต่ในคืนวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 22.00 น. กลับพบว่าทรัพย์สินทั้งหมดหายไปอย่างไร้ร่องรอย สร้างความตกใจและสงสัยว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นคนที่รู้ความเคลื่อนไหวและจุดซ่อนทรัพย์สินในบ้านเป็นอย่างดี
ชุดสืบสวน สน.บางขุนเทียน จึงเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบจนพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปยังนายเอ อดีตคนสนิทของลูกสาวเจ้าของบ้าน ซึ่งเคยรู้ความเป็นไปในบ้านอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาธนบุรี ก่อนนำกำลังเข้าจับกุมได้เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 20.42 น. (วานที่ผ่านมา)
จากการตรวจค้น พบของกลางหลายรายการ อาทิ โทรศัพท์มือถือ iPhone 16 Pro Max 2 เครื่อง หมวกกันน็อค 1 ใบ รองเท้าผ้าใบ Puma 2 คู่ รองเท้าผ้าใบ Adidas 2 คู่ สร้อยข้อมือและสร้อยคอ Pandora อย่างละ 1 เส้น พระปิดตา 2 องค์ สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ
ซึ่งจากการสอบสวน นายเอ ให้การรับสารภาพว่า แม้จะห่างหายจากการติดต่อกับลูกสาวเจ้าของบ้านนานกว่า 2 ปี แต่ยังจำพฤติกรรมและช่วงเวลาที่บ้านว่างได้เป็นอย่างดี จึงวางแผนเข้าลักทรัพย์หลายครั้ง โดยในช่วง 1 เดือนกว่า ได้ก่อเหตุรวม 8 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเวลากลางวัน เนื่องจากมั่นใจว่าจะไม่ถูกจับได้
ทั้งนี้ ผู้ต้องหายอมรับว่า ได้นำทองคำกว่า 30 บาทและทรัพย์สินอื่นไปขาย เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว ซื้อของใช้ ชำระหนี้พนัน และนำบางส่วนไปเล่นพนันซ้ำอีกหลายครั้ง จนเงินหมดไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือเพื่อพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และข้อหาบุกรุกในเคหสถาน ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป