งามไส้ พระลูกวัดคู่กรณีเจ้าอาวาส ตรวจพบฉี่สีม่วง พร้อมยอมสึกกลับไปรักษาที่บ้านเกิด
ข่าวภูมิภาค

งามไส้ พระลูกวัดคู่กรณีเจ้าอาวาส ตรวจพบฉี่สีม่วง พร้อมยอมสึกกลับไปรักษาที่บ้านเกิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี เพจ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ได้นำคลิปพระสงฆ์ทำร้ายร่างกายพระลูกวัด ความยาว 1 นาที 18 วินาทีเศษ มาโพสต์ลงในเฟสบุ๊ก พร้อมกับระบุข้อความว่า เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน จังหวัดกาญจนบุรี ตื้บพระลูกวัดหลังจับได้ว่าพระลูกวัดเสพยา ก่อนหน้านี้มีพระลูกวัดอีก 1 รูป โดนในลักษณะเดียวกันแต่รูปนั้นโดนฉับหัวแบะอาการสาหัส โดยเหตุการณ์ในคลิปนี้เกิดขึ้นคืนวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา วันเดียวกัน พระแบงค์ อายุ 34 ปี พระลูกวัดที่ถูกทำร้าย ได้เข้าพบ ร้อยตำรวจโทศรัณย์ ติ๋วโวหาร รองสารวัตรสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ได้รับแจ้งความไว้ ต่อมาเวลา 11.20 น.วันนี้ 6 ต.ค.(พระอธิการแมน เตชวโร) เจ้าอาวาสวัดฯ อายุ 58 ปี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเวลา 13.30 น.ที่ผ่านมา มีชาวบ้านในพื้นที่กว่า 200 คน เดินทางไปรวมตัวกันที่วัด เพื่อเรียกร้องให้เจ้าอาวาสลาสิขา แต่ก็มีชาวบ้านบางส่วนเดินทางมาคัดค้านการลาสิขา ตามข้อเรียกร้องดังกล่าว ทำให้เกิดการโต้แย้งปะทะคารมกัน โดยนายอิทธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้นายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอไทรโยค เดินทางไปเจรจาทำความเข้าใจกับชาวบ้านทั้ง 2 ฝ่าย ขณะเดียวกัน พันตำรวจเอกณัฐวุฒิ กันตะยศ ผกก.สภ.ไทรโยค สั่งการให้ พันตำรวจโทกฤตญุตม์  นุ่นชูคัน รอง.ผกก.สส.สภ.ไทรโยค พันตำรวจโทวุฒิชัย น้อยยะ สวป.สภ.ไทรโยค นำเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ไทรโยค เข้าควบคุมสถานการณ์ ที่กำลังชุลมุนวุ่นวายจากการปะทะคารมกันของชาวบ้านทั้งสองฝ่าย

ในที่สุดเวลาประมาณ 14.00 น.นายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จึงเรียกทุกฝ่ายมาเจรจาหาทางออกร่วมกัน ผลการเจรจาร่วมกันหลายฝ่ายได้ข้อสรุปว่า เจ้าอาวาสได้ตัดสินใจขอลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาส แต่จะยังไม่ลาสิขา โดยจะขอออกจากวัดไปรักษาโรคประจำตัวทางจิตที่เป็นอยู่ ในวันที่ 8 ต.ค.2568 เนื่องจากรอเวลาปวารณาตัวออกพรรษาเสียก่อน หลังจากที่ชาวบ้านทั้ง 2 ฝ่ายเข้าใจจึงแยกย้ายกันกลับ

ส่วนกรณีของพระแบงค์ อายุ 34 ปี พระลูกวัดที่ถูกทำร้ายสาเหตุเพราะเจ้าอาวาสไปพบอุปกรณ์เสพยาเสพติดในกุฏิ จึงเกิดความโมโหแล้วลงมือก่อเหตุนั้น ผลปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดยพันตำรวจโทกฤตญุตม์ นุ่นชูคัน รอง.ผกก.สส.สภ.ไทรโยค ได้ทำการตรวจปัสสาวะ เพื่อหาสารเสพติดในร่างกายผลที่ออกมาพบฉี่เป็นสีม่วง ซึ่งพระเบียร์ ยอมรับสารภาพเจ้าหน้าที่ว่าได้เสพยาบ้าเข้าไปจริง ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงทำการสึกพระเบียร์ออกจากความเป็นพระ ซึ่งพระเบียร์เองก็เต็มใจที่จะสึก และขอกลับไปสมัครใจบำบัดยาเสพติดที่บ้านในกรุงเทพมหานคร ส่วนเรื่องของคดีที่แจ้งความเอาไว้นั้นก็ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ทั้งนี้ นายอธิสรรค์  อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับรายงานจากนาย เนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค ว่า อำเภอไทรโยคได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพระผู้ปกครองสงฆ์ลงพื้นตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค โดยได้นิมนต์พระอาจารย์แมน มารับทราบข้อกล่าวหาที่พระแบงค์ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากการโดนทำร้ายร่างกายโดยการใช้สายยางตีเมื่อคืนวันศุกร์ที่3 ตค.68 ที่ผ่านมา

ต่อมาเวลา 14.00 น.นายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค พร้อมด้วย ผอ.สนง.พระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่.ตร.สภ.ไทรโยค รวมถึงนายก อบต.สิงห์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พระผู้ปกครองสงฆ์ได้ลงพื้นที่ วัดสิงห์ไพบูลย์ประชาสรรค์ ต.สิงห์ อ.ไทรโยค พบประชาชนจำนวนกว่า 200 คน กำลังชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ดำเนินการกับพระอาจารย์แมน เนตร์เดชา (เจ้าอาวาสวัด)

จึงปรึกษาหาหรือเพื่อหาทางออกร่วมกัน ผลการหารือปรากฎว่าทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าควรให้พระอาจารย์แมน ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส และไปจำวัดอยู่ที่อื่นก่อน ซึ่งพระอาจารย์แมนยินยอมลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด ในวันที่ 8 ต.ค. 68 ช่วงเช้า เนื่องจากอยู่ในช่วงเข้าพรรษาและต้องเคลียร์เรื่องเอกสารทรัพย์สินส่งมอบให้แก่ผู้ปกครองสงฆ์ก่อนจึงจะเดินทางออกจากวัด ส่วนผลทางคดีให้เป็นไปตามที่พนักงานสอบส่วนกำหนด ส่วนชาวบ้านได้รับฟังแล้วพอใจ จึงยินยอมแยกย้ายกลับบ้าน

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้สุ่มตรวจปัสสาวะในสารเสพติดพระในวัดทั้งหมด พบว่าพระเบียร์ พระลูกวัดคู่กรณีของเจ้าอาวาสพบสารเสพติดในร่างกายเพียงรูปเดียว จึงได้ทำการลาสิกขาบท โดยพระเบียร์ยอมรับสารภาพว่าเสพยาบ้าจริง และขอกลับเข้ารับการบำบัดที่บ้านเกิด ใน กทม.ต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัด กาญจนบุรี รายงาน