วันที่ 5 ตุลาคม 2568 มีรายงานว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยายังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากการติดตามข้อมูลของกรมชลประทานพบว่า ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 2,753 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ขณะที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท วัดระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนได้ 16.21 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) และด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 15.94 เมตรรทก. ซึ่งยังคงทรงตัว ห่างจากตลิ่งประมาณ 40 เซนติเมตร โดยขณะนี้เขื่อนเจ้าพระยายังคง รักษาอัตราการระบายน้ำไว้ที่ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เพื่อบริหารจัดการน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้
ส่วนที่สถานี C.3 บ้านบางพุทรา อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี พบปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 2,608 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นผลจากการระบายน้ำจากเขื่อนตอนบนในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การเพิ่มการระบายน้ำก่อนหน้านี้ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน โดยเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา แนวคันดินกันน้ำบริเวณหน้าวัดสมอ ตำบลโพนางดำออก อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท เกิดการพังทลายหลายจุด ทำให้มวลน้ำไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านใกล้เคียงกว่า 100 หลังคาเรือน
ชาวบ้านต้องเร่งอพยพขนย้ายทรัพย์สินขึ้นไปอยู่ริมถนนสายคันคลองมหาราช ซึ่งเป็นพื้นที่สูงกว่า เพื่อความปลอดภัย โดยระดับน้ำในบริเวณรอบวัดสมอมีความสูงตั้งแต่ 10-120 เซนติเมตร แล้วแต่ระดับพื้นที่ บ้านชั้นเดียวส่วนใหญ่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ส่วนบ้านที่ยกพื้นสูงยังสามารถอาศัยอยู่ชั้นบนได้ชั่วคราว ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนเริ่มใช้เรือเป็นพาหนะในการสัญจรในพื้นที่น้ำท่วมลึก
บริเวณถนนคันคลองมหาราช ปัจจุบันชาวบ้านได้ตั้งเพิงพักชั่วคราว โดยใช้เต็นท์และวัสดุจากเอกชนในการสร้างที่พักอาศัยชั่วคราว ระยะทางยาวกว่า 5 กิโลเมตร มีครัวเรือนอพยพมากกว่า 100 หลังคาเรือน รวมกว่า 400 คน
นางธมนวรรณ ดีทรัพย์ อายุ 53 ปี หนึ่งในผู้ประสบภัย เปิดเผยว่า
เกิดมา 53 ปีก็ชินกับน้ำท่วม แต่ไม่อยากให้ท่วมบ่อยแบบนี้ ปีนี้ต้องรีบขนของทั้งฟืน เครื่องปรุง ตู้เย็น พัดลม เครื่องนอน มาอยู่ริมถนนเหมือนเดิม อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งให้ชัดว่าจะปล่อยน้ำเท่าไร จะท่วมหรือไม่ ไม่ใช่เพิ่มการระบายโดยไม่บอกล่วงหน้า พอปล่อยกลางคืน น้ำขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน คันดินแตก น้ำมาแรงเหมือนน้ำป่า ประชาชนรับมือไม่ไหว
ขณะนี้หน่วยงานในพื้นที่อยู่ระหว่างเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมจัดส่งอาหารและสิ่งของจำเป็นแก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมดังกล่าว