จากกรณี หญิงรายหนึ่งได้โพสต์ภาพตัวถือภาพพระลงเฟซบุ๊ก ของตัวเองเขียนข้อความรุบุว่า ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว หนูจะทวงยุติธรรมให้หลวงตาเอง เงินทุกบาทของหลวงตาหนูจะเอามาให้ได้คืนทุกบาท ซึ่งจากการตครวจสอบพบว่า ผู้โพสต์คือ นางเกศรารินทร์ อายุ 52 ปี ชาว ต.เมืองฝ้าย อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์
โดยนางเกศรารินทร์ เล่าถึงสาเหตุที่โพสต์ว่า ภาพดังกล่าวเป็นวันจัดงานวันฌาปนกิจศพของพระสัมฤทธิ์ สุชาโต อายุ 80 ปี พระลูกวัด วัดเมืองฝ้าย ต.เมืองฝ้าย อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ พ่อของตัวเองเป็นอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 บ้านหนองสาม 6 ปี มรณภาพไปเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา
สาเหตุที่โพสต์เพราะคับแค้นใจที่พ่อของตัวเองมรณะภาพแล้ว ไม่ได้เงินฌาปนกิจหมู่บ้านจำนวนเงิน 10,800 บาท ทั้งที่พ่อเป็นสมาชิกมาตั้งเริ่มก่อตั้งคือปี 2541 และจ่ายเงินสมทบทุกครั้งที่มีคนมาเก็บ แต่ผู้ใหญ่บ้านอ้างว่า สาเหตุที่ไม่ได้เพราะพ่อได้ย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่วัดแล้วผิดระเบียบหมู่บ้าน ตนเองก็พยายามทักท้วงอธิบายว่า สาเหตุที่พ่อจำเป็นต้องย้ายทะเบียนบ้าน เพราะเป็นพระจะต้องย้ายเข้าวัด แต่ผู้ใหญ่บ้านไม่สนใจไม่ยอมจ่ายเงินให้ตน ถึงแม้จะอ้างว่าไม่มีเงินจ่ายค่าของที่มาจัดงานศพก็ตาม
นางเกศรารินทร์ เล่าอีกว่า ตอนเผาพ่อ ศพพ่อไม่ไหม้สัปเหร่อต้องหาฟืนมาเผาเพิ่ม พวกตนลูกหลานต้องบอกพ่อต่อหน้าไฟว่าไม่ต้องเป็นห่วง เงินฌาปนกิจศพลูกหลานจะวิ่งเต้นเอาให้จนได้ หลังจากนั้นศพพ่อก็ไหม้
นางเกศรารินทร์ เล่าทั้งน้ำตาอีกว่า พ่อจ่ายเงินสมทบหมู่บ้านทุกศพที่มีคนมาเก็บที่บ้าน จำได้ว่าพ่อเริ่มจ่ายเงินสมทบครั้งแรกศพละ 20 บาท มาจนถึงปัจจุบันศพละ 100 บาท กรณีผู้ใหญ่บ้านอ้างว่าผิดระเบียบนั้น ตนแปลกใจมาก ที่ว่าถ้าผิดระเบียบทำไมต้องส่งคนมาเก็บทุกศพ หากมีชาวบ้านในหมู่บ้านเสียชีวิต ยอมรับว่าเสียใจมาก เงินจำนวนนี้ถึงแม้ไม่มากมาย แต่เป็นเงินก้อนจำเป็นสำหรับครอบครัวที่จะต้องเอาไปจ่ายค่าของมาจัดงานศพ
จากสอบถามนางสาวบุญเลิศ อุปภักดี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 บ้านหนองสาม ต.เมืองฝ้าย กล่าวว่า กฎระเบียบต่างๆ ตนไม่ได้ตั้งขึ้นเอง แต่คณะกรรมการรุ่นนั้นเป็นคนตั้ง ยอมรับว่า เก็บเงินสมทบจากหลวงพ่อทุกรอบที่มีชาวบ้านเสียชีวิต แต่คนเก็บอาจจะงงหรือไม่รู้ก็ได้จึงได้เก็บมาต่อเนื่อง มาทราบว่าหลวงพ่อที่มรณภาพ ได้ย้ายทะเบียนบ้านไปแล้ว ซึ่งผิดระเบียบของหมู่บ้าน ตอนนี้อยากให้ลูกสาวของหลวงพ่อ หาหลักฐานที่จะยืนยันได้ว่า แบบนี้อนุโลมได้ ตนก็จะเก็บให้ แต่ไม่มีหลักฐานก็จะเดินเรี่ยไรชาวบ้านให้ แต่ไม่รู้ว่าจะได้เท่าไหร่
ผู้สื่อข่าวจังหวัดบุรีรัมย์ รายงาน