กลายเป็นประเด็นดราม่าที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่งในตำบลหนองแวง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อชาวบ้านได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะบริเวณชายแดน ได้ออกมาร้องเรียนให้มีการตรวจสอบการทำงานของผู้ใหญ่บ้าน หลังจากมีการเรียกเก็บเงินค่าถ่ายเอกสาร 20 บาท จากชาวบ้านที่มาลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา
ชาวบ้านที่ออกมาร้องเรียนให้ข้อมูลว่า เงิน 20 บาทอาจดูไม่มาก แต่ในช่วงวิกฤตที่ต้องอพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงนานกว่า 2 สัปดาห์ ทำให้ขาดรายได้ การมาถูกเรียกเก็บเงินเช่นนี้สร้างความรู้สึกเหมือนถูกซ้ำเติม โดยมองว่าผู้นำชุมชนควรจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ประสบภัยมากกว่าจะมาเรียกเก็บเงิน
ชาวบ้านระบุว่า หลังจากรัฐบาลเจรจาหยุดยิง ชาวบ้านก็ทยอยกลับมาบ้าน และผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศให้ไปลงทะเบียนเพื่อรับเงินเยียวยาจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ครัวเรือนละ 3,000 บาท ซึ่งในขณะที่ไปลงทะเบียน ผู้ใหญ่บ้านและกรรมการหมู่บ้านที่ตั้งโต๊ะให้บริการแจ้งว่าต้องมีค่าถ่ายเอกสาร 20 บาท ทำให้ชาวบ้านหลายคนต้องจำใจจ่ายเพราะต้องการได้รับเงินเยียวยา
ด้านผู้ใหญ่บ้านได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยชี้แจงว่าตนได้รับคำสั่งให้สำรวจและลงทะเบียนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เพื่อส่งรายชื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยืนยันว่าไม่ได้มีการเรียกเก็บเงินค่าลงทะเบียนแต่อย่างใด
ผู้ใหญ่บ้านกล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากภรรยาและลูกสาวของตนเปิดร้านถ่ายเอกสาร จึงได้สอบถามชาวบ้านที่ไม่มีเอกสารว่าสามารถใช้บริการถ่ายเอกสารที่ร้านได้ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้เท่านั้น โดยค่าถ่ายเอกสารเป็นไปตามราคาปกติเพราะมีต้นทุน แต่หากชาวบ้านคนใดไม่มีเงินก็ไม่ได้เรียกเก็บเงินแต่อย่างใด และไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเกิดความเข้าใจผิดและมีการร้องเรียนเกิดขึ้น