เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2568 กระทรวงการต่างประเทศ แถลงการณ์ เรื่องการส่งทหารกัมพูชา 18 คน กลับกัมพูชา โดยระบุว่าวันนี้ (31 ธ.ค. 2568) เวลา 10.00 น. ฝ่ายไทยได้ส่งทหารชาวกัมพูชา 18 คน ที่ถูกทางการไทยควบคุมตัว กลับสู่มาตุภูมิ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามข้อ 11 ของถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ได้ลงนามในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2568 ซึ่งระบุว่าไทยจะส่งทหารกัมพูชา 18 คน กลับกัมพูชา ภายหลังจากการหยุดยิงเป็นเวลาต่อเนื่อง 72 ชั่วโมง และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของถ้อยแถลงร่วม (Joint Declaration) ระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ลงนามเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2568 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
นับตั้งแต่ทหารกัมพูชาทั้ง 18 คน ถูกควบคุมโดยทางการไทย ทหารเหล่านี้ได้รับการดูแลตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1949 และหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติด้านมนุษยธรรมของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) โดยทางการไทยได้อนุญาตให้ไอซีอาร์ซีเข้าเยี่ยมเป็นระยะๆ และประสานการนำส่งจดหมายของทหารกัมพูชาเพื่อติดต่อกับครอบครัว
การส่งกลับทหารกัมพูชาดังกล่าวสอดคล้องกับอนุสัญญาเจนีวาฯ ฉบับที่ 3 เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อเชลยศึก โดยทางการไทยได้ตรวจสุขภาพก่อนส่งกลับ และแจ้งให้ทราบถึงสิทธิต่าง ๆ ตามอนุสัญญาเจนีวาฯ เพื่อประกันว่า การเดินทางกลับมาตุภูมิเป็นไปบนพื้นฐานของความสมัครใจ ปลอดภัย และมีศักดิ์ศรี และไอซีอาร์ซีได้แจ้งให้ครอบครัวของทหารกัมพูชาทราบถึงการส่งกลับในวันนี้ด้วย นอกจากนี้ ไอซีอาร์ซีและคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (เอโอที) ได้ร่วมสังเกตการณ์การส่งกลับ

การส่งทหารทั้ง 18 คนกลับกัมพูชา สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของไทยที่จะเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับกัมพูชา และเป็นการแสดงถึงการยึดมั่นในอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1949 และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศของไทย โดยไทยหวังว่ากัมพูชาจะตอบสนองเจตนารมณ์ดังกล่าว ด้วยการกระทำที่เป็นรูปธรรม เพื่อส่งเสริมสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างสองประเทศต่อไป
การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ที่ลงนามในการประชุม GBC และเจตนารมณ์ของถ้อยแถลงร่วม (Joint Declaration) ระหว่างไทยและกัมพูชา รวมทั้งข้อตกลงที่มีเงื่อนไขชัดเจน ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรม โดยยึดมั่นในมาตรฐานสากลและความรับผิดชอบของทุกฝ่าย
ฝ่ายไทย ขอยืนยันว่า การดำเนินการนี้ไม่กระทบต่ออธิปไตย ความมั่นคง หรือศักดิ์ศรีของประเทศ โดยกองทัพไทยยังคงตรึงกำลังและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อคุ้มครองประชาชนและรักษาความปลอดภัยของพื้นที่ชายแดน

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ดำเนินการบันทึก ตรวจสอบ และติดตามข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง ตามกลไกและแนวปฏิบัติระหว่างประเทศ เพื่อยืนยันความถูกต้อง โปร่งใส และความรับผิดชอบของทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง การดำเนินการดังกล่าว สะท้อนจุดยืนของประเทศไทยที่ยึดหลักสันติวิธี ควบคู่กับการปกป้องประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศ ในฐานะประเทศที่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ มีความรับผิดชอบ และมุ่งส่งเสริมสันติภาพอย่างยั่งยืน
ส่วนการไม่เปิดเผยใบหน้าทหารกัมพูชาที่อยู่ในการควบคุมของฝ่ายไทย ทำไมฝ่ายไทยไม่เผยแพร่ภาพใบหน้าทหารกัมพูชาที่อยู่ในการควบคุมตัว นั่นเพราะว่า เป็นการปฏิบัติตาม อนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1949 (ฉบับที่ 3) ซึ่งกำหนดให้ผู้ถูกควบคุมตัวต้องได้รับการคุ้มครองจากการถูกนำไปแสดงต่อสาธารณชน และต้องรักษาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเคร่งครัด
การเบลอหน้าเป็นข้อกำหนดตามกฎหมายหรือเป็นเพียงแนวปฏิบัติ เป็นทั้งหน้าที่ตามกฎหมายระหว่างประเทศ และแนวปฏิบัติมาตรฐานสากล โดยเฉพาะในช่วงที่บุคคลยังอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐผู้ควบคุมตัว การไม่เปิดเผยหน้าเกี่ยวข้องกับความมั่นคงหรือการเมืองหรือไม่ ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยตรง ส่วนฝ่ายไทยยังคงเฝ้าระวังและรักษาความมั่นคงอย่างไรนั้น แม้จะดำเนินการตามหลักมนุษยธรรม ฝ่ายไทยยังคงตรึงกำลังและเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อคุ้มครองประชาชนและความมั่นคงของประเทศอย่างต่อเนื่อง