ครม. เคาะแล้ว! ประกาศด่วนถึง แรงงานกัมพูชา ในไทยทุกคน
ข่าวการเมือง

ครม. เคาะแล้ว! ประกาศด่วนถึง แรงงานกัมพูชา ในไทยทุกคน

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568 รัฐบาลไทยโดยกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้ระงับและยกเว้นการต่ออายุใบอนุญาตทำงานของแรงงานสัญชาติกัมพูชาบางกลุ่มเป็นการชั่วคราว ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 โดยจะเริ่มมีผลในทางปฏิบัติตั้งแต่ช่วงต้นปี 2569 เป็นต้นไป ขณะที่แรงงานต่างด้าวอีก 3 สัญชาติยังคงได้รับการผ่อนผันตามปกติ

มติ ครม.ดังกล่าว อนุญาตให้แรงงานสัญชาติเมียนมา ลาว และเวียดนาม สามารถต่ออายุใบอนุญาตทำงานได้ต่อเนื่องจนถึงปี 2571 อย่างไรก็ตาม มติดังกล่าวไม่ครอบคลุมแรงงานสัญชาติกัมพูชา โดยเฉพาะกลุ่มที่ใบอนุญาตทำงานเดิมสิ้นสุดลงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีคำสั่งระงับการลงนามในประกาศผ่อนผันเป็นการเฉพาะในส่วนนี้

สาเหตุหลักที่รัฐบาลจำเป็นต้องชะลอการต่ออายุใบอนุญาตแรงงานกัมพูชา มาจากข้อกังวลด้านความมั่นคงและปัญหาการตรวจสอบตัวตน หลังพบว่าแรงงานกัมพูชามากกว่า 100,000 คน ที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุแล้ว ไม่สามารถยืนยันข้อมูลประจำตัวหรือที่อยู่ได้อย่างชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยภายในประเทศ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ รัฐบาลจึงมีแนวทางยกระดับมาตรการคัดกรองแรงงานต่างด้าวให้เข้มงวดมากขึ้น ทั้งด้านประวัติส่วนบุคคล แหล่งที่พักอาศัย และสถานะการทำงาน ก่อนจะพิจารณาเปิดให้มีการต่ออายุหรือผ่อนผันในระยะถัดไป หากผ่านการตรวจสอบตามเงื่อนไขด้านความมั่นคง

สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับแรงงานกัมพูชา กลุ่มที่ถูกกำหนดวันทำงานสุดท้ายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2569 หากจนถึงวันดังกล่าวยังไม่มีประกาศผ่อนผันฉบับใหม่ออกมา สิทธิในการทำงานจะสิ้นสุดลงทันที และแรงงานจะต้องเดินทางกลับประเทศกัมพูชาโดยไม่สามารถอยู่ทำงานต่อได้โดยอัตโนมัติ

ทั้งนี้ หากรัฐบาลมีการเปิดรอบการขึ้นทะเบียนแรงงานผิดกฎหมายใหม่ เช่น กรณีที่เคยดำเนินการในช่วงเดือนธันวาคม 2568 นายจ้างจะต้องเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่หน่วยงานภาครัฐกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานได้ย้ำเตือนนายจ้างให้ตรวจสอบสถานะใบอนุญาตทำงานของลูกจ้างสัญชาติกัมพูชาอย่างละเอียด หากพบว่าแรงงานไม่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับการผ่อนผันตามประกาศอื่น นายจ้างมีหน้าที่แจ้งจำหน่ายลูกจ้างออกจากระบบของกรมการจัดหางานภายใน 15 วัน หากไม่ดำเนินการอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการจ้างแรงงานต่างด้าว ทางการจึงแนะนำให้นายจ้างและแรงงานติดตามประกาศจากกรมการจัดหางานอย่างใกล้ชิด หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านสายด่วน 1694 เนื่องจากนโยบายดังกล่าวอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ภายหลังการตรวจสอบด้านความมั่นคงแล้วเสร็จ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง