จี๊ดทั้งสตู เท้ง เปิดใจกลางรายการ ลั่นแรง มีน้ำเงินไม่มีส้ม
ข่าวการเมือง

จี๊ดทั้งสตู เท้ง เปิดใจกลางรายการ ลั่นแรง มีน้ำเงินไม่มีส้ม

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2568 มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล และนายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคประชาชน ร่วมออกรายการ The Politic ทางสถานีมติชนทีวี แสดงท่าทีและมุมมองทางการเมืองต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น

นายณัฐพงษ์กล่าวช่วงหนึ่งว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นจุดตัดทางการเมืองอย่างชัดเจน เนื่องจากขณะนี้มีความพยายามรวมกลุ่มกันเพื่อไม่ให้รัฐบาลพรรคประชาชนเกิดขึ้น พร้อมระบุว่า สมการทางการเมืองตรงไปตรงมาคือ การเลือกระหว่างรัฐบาลที่มีพรรคประชาชนเป็นแกนนำ หรือรัฐบาลที่มีพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ขาดว่าประเทศจะเดินไปในทิศทางใด

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามถึงกระแสที่ระบุว่าพรรคประชาชนเป็นฝ่ายเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี นายณัฐพงษ์ตอบว่า เรื่องดังกล่าวจบไปแล้ว และควรเดินหน้าต่อ

ด้าน น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า พรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย จบกันแล้ว และย้ำว่าจบด้วยการตัดสินใจของพรรคประชาชนเอง โดยเป็นไปตามกรอบข้อตกลง (MOA) ที่ออกแบบไว้ทั้งหมด พรรคได้ใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเครื่องมือกดดัน และยืนยันว่าไม่ได้ถูกหลอก หากถูกหลอกจริง รัฐบาลจะสามารถอยู่ต่อได้โดยไม่ยุบสภา แต่เมื่อพรรคประกาศเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลกลับตัดสินใจยุบสภาทันที ซึ่งสอดคล้องกับเงื่อนไขใน MOA แม้จะไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ก็ตาม

เมื่อถูกถามว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการแข่งขันแบบใส่ไม่ยั้งหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญาระบุว่า เป็นเรื่องปกติของการแข่งขันทางการเมือง ทุกพรรคต้องทำเต็มที่ และยืนยันว่าไม่มีแนวคิดเรื่องฝ่ายค้ำ ตามที่นายอนุทินเคยกล่าวไว้

ส่วนกรณีที่นายอนุทินนำถ้อยคำของพรรคเพื่อไทยมาใช้โจมตีพรรคประชาชน น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า รู้สึกจี๊ด เพราะเป็นคำที่ได้ยินจากพรรคเพื่อไทยมาหลายครั้งแล้ว และยิ่งรู้สึกหนักขึ้นเมื่อเป็นคนที่เคยลงนามใน MOA แต่กลับฉีกข้อตกลงด้วยตนเอง เปรียบเสมือนถูกหักหลังซ้ำสอง

นายณัฐพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเลือกระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย คือการเลือกระหว่างรัฐบาลที่พรรคประชาชนเป็นแกนนำ มีจำนวน สส. มากพอที่จะกำกับทิศทางพรรคร่วม และป้องกันไม่ให้พรรคอันดับรองไปรวมตัวกันตั้งรัฐบาลเพื่อบล็อกพรรคประชาชน

พร้อมกันนี้ นายณัฐพงษ์ยังระบุอีกว่า พรรคประชาชนไม่ต้องการให้ประเทศตกอยู่ใน ก้นเหว จากปัญหาต่าง ๆ เช่น ทุนเทา แก๊งสแกมเมอร์ และการทุจริตซื้อเสียง พร้อมกล่าวว่า หากการเลือกตั้งเป็นการแข่งขันระหว่าง ส้มกับน้ำเงิน และพรรคภูมิใจไทยได้จัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาชนก็พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อถ่วงดุลและตรวจสอบกลุ่มอำนาจที่อาจนำประเทศถอยหลัง

อย่างไรก็ตาม นายณัฐพงษ์ย้ำว่า หากพรรคประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล การจะดึงพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับจำนวนเสียง สส. หากมีเสียงมากพอ พรรคประชาชนไม่จำเป็นต้องพึ่งพา และหากจะร่วมรัฐบาล พรรคอื่นต้องอยู่ภายใต้การกำกับของพรรคประชาชน เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างแท้จริง