เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 3 ธันวาคม 2568 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นาย จาง เจี้ยนเว่ย (H.E. Mr. Zhang Jianwei) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย พร้อมคณะ เข้าเข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อมอบเงินบริจาคช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้

เอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา ภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เกิดอุทกภัยสร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทางการจีนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีความห่วงใยต่อประชาชนผู้ประสบภัย พร้อมเชื่อว่า ภายใต้การนำของรัฐบาลไทย พื้นที่ประสบภัยจะฟื้นฟูได้โดยเร็ว
เขาระบุว่า ไทยและจีนเป็น มิตรที่ดี ซึ่งร่วมมือกันมาโดยตลอด โดยหลังเกิดอุทกภัย สมาคมและองค์กรต่างๆ ของจีนทั้งในไทยและในจีนได้ทยอยให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันมีการบริจาคเงินและสิ่งของรวมกว่า 30 ล้านบาท และในวันนี้ สถานทูตจีนและองค์กรต่างๆ ได้รวบรวมเงินเพิ่มอีกกว่า 30 ล้านบาท มอบผ่านนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการเพื่อใช้ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย โดยย้ำว่านี่สะท้อนถึงความสัมพันธ์แบบ พี่น้อง ระหว่างทั้งสองประเทศ และเชื่อมั่นว่าภายใต้พระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และความเข้มแข็งของนายกรัฐมนตรี ประชาชนในภาคใต้จะสามารถก้าวผ่านวิกฤตได้
เอกอัครราชทูตฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อไม่นานนี้ ส่งผลให้ความร่วมมือระหว่างสองประเทศมีความใกล้ชิดมากขึ้น และเป็นแรงผลักดันในการดำเนินงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้าสินค้าเกษตร รวมถึงการซื้อขายข้าว พร้อมระบุว่าจีนและไทยจะผลักดันความร่วมมือใหม่ๆ การไปมาหาสู่ของประชาชน และความร่วมมือในประเด็นสำคัญระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
ต่อมา นายสมัย กวักเพฑูรย์ ประธานคณะกรรมการโรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อมอบเงินบริจาคสมทบเข้า กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นจำนวน 5 ล้านบาท
ภายหลังการรับมอบ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณรัฐบาลจีน รวมถึงองค์กรจีนต่างๆ ในประเทศไทย ที่ให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยระบุว่า การสนับสนุนครั้งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่มีต่อกันมายาวนาน แม้ในยามยากลำบาก พร้อมยืนยันว่า เงินช่วยเหลือทั้งหมดจะถูกนำไปใช้เพื่อฟื้นฟูชีวิต เศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยอย่างรวดเร็ว โปร่งใส และเป็นธรรม
ชมคลิป