เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีข้อบังคับของ มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ที่ระบุไว้ในข้อ 39 ว่า หากมูลนิธิต้องเลิกล้มลง ทรัพย์สินทั้งหมดที่เหลือจะตกเป็นของ มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ข้อบังคับดังกล่าวถูกเปลี่ยนไปแล้ว และตนไม่ทราบเรื่องมาก่อน เขาเปลี่ยนไปแล้ว เวลาเขาทำก็ไม่มาถามเรา ไม่รู้เรื่องเลย พร้อมย้ำว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของกัน จอมพลัง ไม่เกี่ยวข้องกับตนหรือพรรคกล้าธรรม มันจะถึงพรรค กธ.ได้ไง ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของกัน มันน่าจะเป็นเรื่องมือใหม่หัดขับ ทำอะไรไม่ค่อยคิด
ร.อ.ธรรมนัสอธิบายเพิ่มเติมว่า เรื่องการระบุชื่อมูลนิธิอื่นในข้อบังคับเมื่อมูลนิธิเลิกล้ม เป็นเรื่องปกติที่ทุกมูลนิธิต้องกำหนดไว้ เช่นเดียวกับมูลนิธิของตนที่ระบุให้ทรัพย์สินตกเป็นของวัดธาตุทอง ถ้ามีอะไร ก็ให้เป็นสมบัติของวัดไป
เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ที่กัน จอมพลังจะแก้ไขข้อบังคับมูลนิธิในส่วนนี้ ร.อ.ธรรมนัสยืนยันว่า เจ้าตัวได้แก้ไขแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเปลี่ยนไปให้ใคร เขาแก้แล้ว แต่เราไม่รู้ว่าเปลี่ยนให้ใคร
ร.อ.ธรรมนัสยังปฏิเสธว่าไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับกัน จอมพลังในเรื่องนี้ พร้อมระบุด้วยน้ำเสียงติดตลกว่า ทุกวันนี้ต้องทำงานให้ชาวบ้าน วัน ๆ ก็มีแต่เรื่องน้ำท่วม ประชาชนเดือดร้อนตรงนั้นตรงนี้ ไม่ค่อยมีใครถามถึงเรื่องพวกนี้เลย พร้อมเรียกร้องให้สังคมและสื่อให้ความสนใจกับปัญหาน้ำท่วมมากกว่าเรื่องมูลนิธิ
เขากล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ขณะนี้มวลน้ำกำลังเคลื่อนตัวลงภาคใต้ โดยล่าสุดพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีฝนตกหนัก และตนเตรียมลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์ด้วยตนเอง ตอนนี้ร่องมรสุมกำลังจะเริ่มลงใต้ ให้ถามเรื่องนี้ดีกว่า ชาวบ้านจะได้ประโยชน์
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในภาคกลาง ร.อ.ธรรมนัสระบุว่าใกล้เข้าสู่ช่วงสิ้นฤดูฝนและจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ฤดูหนาว จึงต้องเร่งวางมาตรการช่วยเหลือและเตรียมรับมือปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ในช่วงปลายปี ช่วงปีใหม่น้ำจะท่วมใต้ ต้องไปแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวใต้ต่อ
ทั้งนี้ ก่อนจะจบการให้สัมภาษณ์ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวสั้น ๆ ว่า พอแล้วเนาะ จากนั้นได้เดินขึ้นตึกบัญชาการ 1 ทันที