เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศ KHMER TIMES รายงานว่า นายปา จันโรอืน ประธานสถาบันประชาธิปไตกัมพูชา (Cambodian Institute for Democracy) ให้สัมภาษณ์ว่า การกลับมาของนายอภิสิทธิ์อาจเป็น สัญญาณเตือนล่วงหน้า ให้กัมพูชาต้องเตรียมรับมือกับแนวนโยบายต่างประเทศแบบเดียวกับที่เขาใช้ในช่วงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้
ในสมัยที่เขาเป็นผู้นำ เคยเกิดการสู้รบระหว่างกัมพูชาและไทยในปี 2008 และ 2011 นายจันโรอืนกล่าว หากเขากลับมาในสถานการณ์เช่นนี้ ข้าพเจ้าคาดได้ว่าการกลับมาของเขาอาจทำให้ความขัดแย้งชายแดนทวีความรุนแรงขึ้น และยากต่อการจัดการมากกว่าเดิม
นายจันโรอืนเตือนด้วยว่า ความขัดแย้งอาจดำเนินต่อไปหรือรุนแรงขึ้น หากผู้นำทางการเมืองของไทยเลือกใช้ประเด็นชาตินิยมเกี่ยวกับชายแดนเป็นเครื่องมือสร้างคะแนนนิยมภายในประเทศ ดังนั้น ความขัดแย้งจะยังคงอยู่ ตราบใดที่นักการเมืองยังมองมันเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อเรียกคะแนนเสียง เขากล่าวเสริม และอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่านั้นด้วยซ้ำ
สำหรับกัมพูชา เขากล่าวว่า ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินหน้าหาทางออกอย่างสันติ ผ่านกลไกกฎหมายระหว่างประเทศและความร่วมมือพหุภาคี พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับการทูตมากกว่าการเผชิญหน้า
ขณะเดียวกัน นายทอง เมงดาวิด นักวิเคราะห์ด้านภูมิรัฐศาสตร์และอาจารย์ประจำสถาบันการศึกษานานาชาติและนโยบายสาธารณะ (Institute for International Studies and Public Policy) ระบุว่า การตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์ที่จะกลับคืนสู่การเมืองและลงสมัครรับเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีในปีหน้า อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นคืนของความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและไทยอีกครั้ง