จากกรณีที่ประเทศเกาหลีใต้ เตรียมส่งหน่วยงานไปยังกัมพูชา เพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวเกาหลีใต้กว่า 80 ราย ที่ตกค้างในกัมพูชา ตามการเปิดเผยของนายคิม นัม จุน โฆษกประธานาธิบดี ประธานาธิบดี อี แจ มยอง ได้แสดงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะจัดการกับคดีในกัมพูชาในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ในการประชุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานสรุปสถานการณ์ให้ประธานาธิบดีทราบ และได้นำเสนอแผนการรับมือกับคดีฉ้อโกงการจัดหางานและการกักขังหน่วงเหนี่ยวที่ผิดกฎหมายซึ่งเกี่ยวข้องกับชาวเกาหลีในกัมพูชา
พร้อมกันนี้ นายคิมกล่าวเสริมว่า รัฐบาลกำลังทบทวนการจัดการส่งตัวกลับประเทศกับทางการกัมพูชา โดยมีแผนที่จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม และเตรียมการสำหรับการสืบสวนร่วมกันในคดีฆาตกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยชาวเกาหลีที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ในประเทศนั้น
ขณะเดียวกัน ด้านสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) และเครือข่ายบังคับใช้กฎหมายอาชญากรรมทางการเงิน (FinCEN) ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายภายใต้มาตรา 311 ของกฎหมาย USA PATRIOT Act เพื่อตัดกลุ่ม Huione Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทบริการทางการเงินที่มีฐานอยู่ในกัมพูชา ออกจากระบบการเงินของสหรัฐฯ เนื่องจากกลุ่มบริษัทนี้ทำการฟอกเงินที่ได้จากการหลอกลวงและการโจรกรรมสกุลเงินดิจิทัลให้แก่ผู้กระทำความผิดทางไซเบอร์มานานหลายปีแล้ว
ทั้งนี้ ตามรายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ Huione Group ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำคัญในการฟอกเงินที่ได้จากการโจรกรรมไซเบอร์ฝีมือเกาหลีเหนือ และเพื่อองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ (TCO) กลุ่มต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ก่อเหตุหลอกลวงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ Pig Butchering (หลอกเชือดหมู) และการหลอกลวงอื่น ๆ
ที่สำคัญคือ Huione Group ได้ฟอกเงินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายเป็นมูลค่าอย่างน้อย 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างเดือนสิงหาคม 2564 ถึงมกราคม 2568 และจากเงินผิดกฎหมายมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ดังกล่าว Huione Group ได้ฟอกเงินสกุลเงินดิจิทัลมูลค่าอย่างน้อย 37 ล้านดอลลาร์ ที่มาจากการโจรกรรมไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ โดยเครือข่ายนี้ดำเนินกิจการอาชญากรรมข้ามชาติ ผ่านการหลอกลวงการลงทุนออนไลน์มุ่งเป้าไปที่ชาวอเมริกันและบุคคลอื่น ๆ ทั่วโลก โดยมีศูนย์หลอกลวงมากมายในกัมพูชา