วันนี้ (14 ต.ค. 68) นายนิยม นพรัตน์ หรือ เค สามถุยส์ เดินทางเข้ายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ประชาชนและพรรคภูมิใจไทย กรณีเซ็น MOA ในการจัดตั้งรัฐบาลเข้าข่ายล้มล้างการปกครองตาม มาตรา 49 หรือไม่
โดย เค สามถุยส์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองได้ไปยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุดเพื่อขอให้พิจารณาส่งเรื่องต่อมายังศาลรัฐธรรมนูญแต่อัยการสูงสุดไม่นําส่งและปฏิเสธคําร้องของตนเอง วันนี้จึงตัดสินใจมายื่นโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนเหตุผลที่ยื่นเนื่องจากมองว่าการทํา MOA จัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาชนและภูมิใจไทยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญตามที่มีการอภิปรายของนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ว่า MOA ข้อตกลงทั้ง 5 ข้อนั้น เป็นการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยและเป็นข้อตกลงที่อาจเข้าข่ายการลมล้างการปกครองหรือไม่
เค สามถุยส์ กล่าวต่ออีกว่า การยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญประชาชนทั่วไปไม่สามารถทําได้ต้องไปที่หน่วยงานอื่นก่อน เช่น ก่อนหน้านี้ตนเคยร้องเอาผิดจริยธรรม นายอนุทิน ชาญวีรกูล กรณีนําทางสาธารณะไปทํารันเวย์ขึ้น-ลงเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าต้องไปยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินก่อน เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้หากมายื่นศาลรัฐธรรมนูญแต่แรกศาลก็คงยกคําร้อง
เมื่อถามว่าการยื่นเรื่องในวันนี้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ เค สามถุยส์ตอบว่า ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ ซึ่งตนเองขอเทียบเคียงกรณีของ นายอนุทิน ที่ทํารันเวย์ขึ้น-ลงเครื่องบินส่วนตัวจากทางสาธารณะซึ่งศาลยกคําร้องและไม่พิจารณาต่อ แต่กรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ศาลยกคําร้องไปแล้วแต่พิจารณาต่อจนนํามาสู่การนํานายทักษิณกลับเข้าเรือนจําเป็นระเวลา 1 ปี
ทั้งนี้ เค สามถุยส์ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า มาตรฐานกระบวนการยุติธรรมอยู่ไหน ผมถึงบอกว่าอย่าใช้ 2 มาตรฐาน วันนี้ผมกล้าพูดว่ากระบวนการยุติธรรมไม่มีมาตรฐานเลยครับ
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน