เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Oat Picharn ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีความขัดเเย้งระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า เขมร โวยลั่นสหประชาชาติ ไทยรุกราน ทำให้พลเรือนต้องพลัดถิ่น ทำลายบ้านเรือน วัดและเจดีย์ อย่างเลวร้าย
ผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา ปราศรัยวง ExCom โวย ไทยรุกราน พยายามขยายดินแดนเข้ามาในกัมพูชา ขับไล่ครอบครัวชาวกัมพูชาจำนวนมากที่อาศัยอยู่มาหลายชั่วอายุคน ยกการดำเนินการฝ่ายเดียวของไทยเป็นตัวอย่างการขาดระบบพหุภาคี
พนมเปญโพสต์ รายงานว่า เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา ได้กล่าวถึงความสำคัญของระบบพหุภาคี โดยยกตัวอย่างการดำเนินการฝ่ายเดียวของไทยในการขยายอาณาเขตเข้าไปในกัมพูชาว่าเป็นตัวอย่างสำคัญของการขาดระบบพหุภาคี โดยกัมพูชาได้พยายามกล่าวย้ำแล้วย้ำอีกว่า ประเทศไทยพยายามขยายดินแดนเข้ามายังกัมพูชา
นายดารา อิน ผู้แทนถาวรของกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา ได้กล่าวปราศรัยในการอภิปรายทั่วไประหว่างการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ExCom) เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา
เขากล่าวว่า กัมพูชาเคยประสบกับการพลัดถิ่น เผชิญกับความขัดแย้ง และต่อมาได้ฟื้นฟูประเทศขึ้นใหม่ผ่านกฎหมาย ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความร่วมมือ ประเทศได้ร่วมมือกับสหประชาชาติและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เพื่อปกป้องผู้ด้อยโอกาส ให้ที่พักพิงแก่ผู้ที่แสวงหาที่ลี้ภัย และมีส่วนร่วมในการรักษาสันติภาพ การกำจัดทุ่นระเบิด และการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม
แต่ถึงกระนั้น ถึงแม้เราจะพบกันที่นี่ หลักการที่ค้ำจุนสถาบันนี้ก็ยังคงถูกทดสอบตามแนวชายแดนของเรา การบุกรุกด้วยอาวุธจากประเทศไทยได้ทำให้พลเรือนต้องพลัดถิ่น ทำลายบ้านเรือน วัดและเจดีย์ และปิดปากชุมชนที่เคยสงบสุข ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ ภัยคุกคามจากการขับไล่ครอบครัวชาวกัมพูชาจำนวนมากที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของเรามาหลายชั่วอายุคน ซึ่งเป็นการรณรงค์ภายใต้ข้ออ้างภายในประเทศที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและเพิกเฉยต่อข้อตกลงทวิภาคีระหว่างสองประเทศ
นายดารา ได้ย้ำเตือนผู้แทนที่เข้าร่วมว่าการกระทำดังกล่าวว่า ไม่ใช่แค่เหตุการณ์ชายแดน แต่เป็นการละเมิดระเบียบกฎหมาย กฎบัตรสหประชาชาติ และอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่สี่ ซึ่งห้ามการบังคับโยกย้ายพลเรือน การทำลายหรือยึดทรัพย์สิน หรือการลงโทษหมู่ ไทยได้ทำมันมาตลอด
ความสูญเสียของมนุษย์นั้นร้ายแรงมาก ครอบครัวกัมพูชาต่างพากันหลบหนีด้วยความหวาดกลัว วิถีชีวิตสูญสิ้นไปในชั่วข้ามคืน พระภิกษุ ครู และเด็ก ๆ ต่างละทิ้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยอุทิศให้กับความศรัทธาและการเรียนรู้ หมู่บ้านเขมรที่เคยเจริญรุ่งเรืองมานานหลายทศวรรษภายใต้การดูแลของกัมพูชา กลับกลายเป็นเพียงรอยแผลเป็น และถูกทิ้งร้าง ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจที่ชัดเจนว่าเมื่อกฎหมายล้มเหลว ความทุกข์ยากก็จะทวีคูณ
เขายังกล่าวต่ออีกว่า ขอย้ำว่ากัมพูชาได้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ เคารพกฎหมาย และยึดมั่นในหลักความยุติธรรมและมนุษยธรรมว่าความยุติธรรม และมนุษยธรรมต้องไม่ยอมแพ้ต่อการรุกราน (โดยไทย) กัมพูชาขอเรียกร้องให้มีการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน และรื้อถอนสิ่งกีดขวางที่ผิดกฎหมายรอบ ๆ ที่อยู่อาศัยของพลเรือน รั้วและบังเกอร์ต่าง ๆ ที่สร้างโดยไทย
เราไม่ได้กระทำการด้วยความอ่อนแอ แต่กระทำการด้วยความเชื่อมั่นว่าการยับยั้งชั่งใจคือความเข้มแข็ง และกฎหมาย ไม่ใช่อำนาจ จะต้องยังคงเป็นมาตรวัดความชอบธรรม กระนั้น การยับยั้งชั่งใจต้องไม่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการยอมรับ การเล็งเป้าไปที่พลเรือน การกักขังทหาร และการคุกคามที่จะขับไล่ชุมชนทั้งหมดออกไป ล้วนส่งผลกระทบต่อหัวใจสำคัญของระเบียบกฎหมายระหว่างประเทศ
เขายังกล่าวอีกว่า โดยหมายถึงทหารกัมพูชา 18 นายที่ทางไทยยังควบคุมไว้เป็นตัวประกัน กัมพูชาเรียกร้องให้ประเทศสมาชิก นำทฤษฎีของตนไปปฏิบัติจริง เพื่อรักษาเงินทุนด้านมนุษยธรรม เสริมสร้างการคุ้มครองภาคสนาม และปกป้องความเป็นสากลของกฎหมายระหว่างประเทศไม่ให้ถูกกัดกร่อนโดยความสะดวก พวกเรา (กัมพูชา) มีแรงจูงใจที่ชัดเจน นั่นคือการฟื้นฟูศรัทธาในลัทธิพหุภาคีในฐานะภาชนะแห่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อย่าปล่อยให้บุคคลใดถูกปล่อยปละละเลย อย่าปล่อยให้พรมแดนกลายเป็นเวทีแห่งความหวาดกลัว และอย่าให้พันธะทางกฎหมายใดถูกแลกเปลี่ยนกับการเมืองแห่งความสะดวกสบาย
นายดารายังกล่าวกับสื่อกัมพูชาอีกว่า ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง แทบจะล้นหลาม ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวปราศรัยต่อคณะกรรมการบริหาร (ExCom) ซึ่งทุกถ้อยคำล้วนถ่ายทอดความโศกเศร้าและความเข้มแข็งของชาวกัมพูชาตลอดแนวชายแดน ข้าพเจ้าประทับใจ และข้าพเจ้าได้บรรยายถึงความทุกข์ทรมานของพวกเขา (ชาวเขมร) ว่าเป็นมากกว่าเรื่องเล่าที่ห่างไกล แต่มันคือจังหวะการเต้นของหัวใจของชนชาติข้าพเจ้าที่บาดเจ็บ เจ็บปวด แต่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญท่ามกลางความเจ็บปวด
ในฐานะเอกอัครราชทูตกัมพูชา ข้าพเจ้ามีพันธะผูกพันไม่เพียงแต่ด้วยตำแหน่งหน้าที่ แต่ด้วยมโนธรรม จริยธรรม ที่จะปกป้องศักดิ์ศรีของประชาชนของเราชาวกัมพูชา เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำตาของพวกเขา (ชาวกัมพูชา) จะไม่ถูกลืมเลือน และไม่ให้เสียงของพวกเขาถูกกลบด้วยเสียงแห่งความขัดแย้ง เพราะเมื่อกฎหมายถูกเหยียบย่ำและถูกปฏิเสธความเป็นมนุษย์ ความเงียบก็ไม่ใช่คุณธรรม แต่มันคือการยอมจำนน และการยอมจำนนนั้นไม่เคยเป็น และจะไม่มีวันเป็นเส้นทางของเรา