จากกรณีมีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ใช้เวลานานถึง 8 ชั่วโมง ในการจัดทำบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ 250 นาย แต่ปรากฎว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือ บิ๊กเต่า รอง ผบช.ก. ไม่มีชื่อในการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยออกมาเปิดหน้ายื่นขอความเป็นธรรมกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ล่าสุด วันที่ 1 กันยายน 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. ได้เปิดใจถึงกรณีดังกล่าว โดยยืนยันว่า ไม่น้อยใจที่ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าอยากให้คนทำงานมีโอกาสได้รับการแต่งตั้ง สำหรับคนที่ได้รับการแต่งตั้งตนเองก็ยินดีด้วย อย่าง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นคนเก่งและมีความสามารถ ทำงานด้านสืบสวน ตนเองก็ดีใจด้วย และหากไม่ออกมาให้สัมภาษณ์และให้มีการแก้ไขก็คงแก้ยากเพราะทุกคนไม่มีรายชื่อเข้าไป
เพราะฉะนั้นก็เห็นด้วยที่ ก.ตร. เข้ามาแก้ไขปัญหา ส่วนที่ตนไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะเชื่อว่าการที่เราทำเพื่อส่วนรวมและให้ระบบเดินต่อไปได้เป็นสิ่งที่ดี และอยากสร้างมาตรฐานอีกหนึ่งอย่างคืออยากเห็นแนวทางการพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งในหมวดความรู้ความสามารถ
อยากให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) หาแนวทางในการให้ความเป็นธรรมกับตำรวจที่จะมีการแต่งตั้งในระดับผู้บัญชาการ และรองผู้บัญชาการในปีต่อไป โดยหลังจากนี้จะต้องปรึกษากับฝ่ายกฎหมายว่าการพิจารณาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการชุดเล็กและชุดใหญ่
ควรนำหลักการอะไรมาพิจารณาเพื่อความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และเพื่อประโยชน์กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเป็นขวัญกำลังใจ ทำให้ตำรวจและส่วนรวมได้มีความมุมานะในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งอยากทำให้เป็นมาตรฐาน ไม่อย่างนั้นระบบอุปถัมภ์จะยังคงอยู่ ตนจะไปสอบถาม ก.พ.ค.ตร. เพื่อเป็นแนวทางและการดำเนินการให้เกิดความชัดเจนในการพิจารณาปีต่อไป ไม่ใช่ไปเอาเรื่องหรือดำเนินคดี
ส่วนการดำเนินการครั้งนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าอาจสร้างความไม่พอใจ แต่หากคนทำงานได้รับการพิจารณาก็ยินดีและดีใจด้วย แต่ส่วนคนที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาก็ต้องยอมรับสภาพ เพราะเนื้อหาสาระของงานยังด้อยกว่ามาก จึงเห็นด้วยที่ ก.ตร.ชุดใหญ่ ที่มี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นประธาน ได้คืนความเป็นธรรมให้กลุ่มคนทำงาน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า ไม่น้อยใจ เพราะทำงานด้านการปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบอยู่แล้ว หากคนที่ทำงานและได้รับการแต่งตั้งก็พร้อมพลีชีพ จะให้ยกมาพิจารณาก็เป็นเรื่องยากเพราะเปิดหน้าชนไปแล้ว ยืนยันว่าไม่มีเรื่องน้อยใจเพราะชีวิตผ่านอะไรมาเยอะ ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ต่อไปก็จะทำงานให้เต็มที่ ไม่ได้เสียกำลังใจ และมองว่าตนเองเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังบอกอีกว่า คนที่พูดได้ดีที่สุดก็คือเรา ตนเองก็มีเวลาอีก 4 ปี มองในแง่บวกและทำงานให้มากขึ้นเพื่อให้เป็นแนวทางว่าคนทำงานจำเป็นจะได้ดี ถ้าเราคิดว่าทำเพื่อส่วนรวมก็อย่าไปคิดน้อยใจ เพราะเดี๋ยวตนเองก็ต้องทำงานต่อและต้องทำให้หนักกว่าเดิม และต้องไม่มองว่าการที่เราออกมาเคลื่อนไหวเป็นการทำเพื่อตนเอง
และถ้าสังเกตตนชอบทำงานเพื่อส่วนรวม ทำเพื่อส่วนรวมมาเยอะและทำมาตลอดด้วยความเสียสละและทุ่มเท เพราะฉะนั้นที่ไม่ได้รับการพิจารณาเพราะเรายังอาวุโสน้อยก็ไม่เป็นไร แต่มองว่าควรหาแนวทางผลักดันให้ ก.ตร. วางหลักเกณฑ์ในการพิจารณาในปีต่อไปจะดีกว่าว่าจะทำอย่างไรให้เกิดผลประโยชน์