กองทัพบก เเจงด่วน! เหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิด
ข่าวการเมือง

กองทัพบก เเจงด่วน! เหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิด

เมื่อเวลา13.54 น. วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ทีมโฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ชี้ชัดกัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งสอดคล้องกับการพบทุ่นระเบิดในที่มั่นทหารกัมพูชาจำนวนมาก จ.ศรีสะเกษ โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ว่า กำลังพลของกองร้อยทหารราบที่ 111 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเส้นทางเพื่อเสริมความมั่นคง ในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ

ส่งผลให้มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง และ พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ ตำแหน่งพลปืนเล็ก ได้รับแรงอัดและบาดเจ็บบริเวณแก้วหู

ผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้รับการปฐมพยาบาลในพื้นที่ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลทหารภาคสนาม และได้ส่งต่อ จ่าสิบเอก ธานี พาหา ไปยังโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้สังคมทั้งในประเทศและต่างประเทศเห็นได้ชัดว่า การใช้อาวุธต่อกันในพื้นที่ชายแดนยังคงมีอยู่ในลักษณะการซ่อนรูป และถือเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน อนุสัญญาออตตาวา ของฝ่ายกัมพูชาอย่างชัดเจน

สอดคล้องกับการที่กองทัพบกได้รับรายงานเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ที่หน่วยทหารช่างได้ดำเนินการเคลียร์พื้นที่และเสริมความมั่นคงบริเวณภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเคยเป็นที่มั่นของฝ่ายทหารกัมพูชา

โดยจากการตรวจสอบพบ ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 จำนวน 18 ทุ่น โดย 16 ทุ่น บรรจุในกระสอบ ยังไม่อยู่ในสภาพพร้อมระเบิด และ 2 ทุ่น วางแบบเร่งด่วนโดยไม่ฝังกลบ อยู่ในสภาพพร้อมระเบิด หน่วยทหารช่างได้เก็บกู้ครบทั้ง 18 ทุ่นแล้ว นอกจากนี้ยังตรวจพบลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดและลูกจรวด RPG จำนวนมาก

ภาพจาก ทีมโฆษกกองทัพบก

โฆษกกองทัพบกระบุเพิ่มเติมว่า การกระทำดังกล่าวเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการดำเนินมาตรการหยุดยิงและการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังตอกย้ำว่าที่ผ่านมา กัมพูชามีลักษณะเป็นฝ่ายริเริ่มใช้อาวุธก่อนมาโดยตลอด ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ดังกล่าว

เรียบเรียงโดยทีมข่าวสยามนิวส์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง