เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ที่สำนักอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 หรือ ตำรวจไซเบอร์ 1 ได้นำสำนวนคดีคลิปเสียงของสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาสั่งไล่ล่ากลุ่มคนเห็นต่าง จำนวน 50 แผ่น ส่งมอบให้กับอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณา โดยมี น.ส.ฐิติวดี สินธวณรงค์ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจไซเบอร์ 1 รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าว
โดย พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ เปิดเผยว่า หลังจาก บก.สอท.1 ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว จึงได้สั่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้น จากการสอบสวนพบว่าเป็นการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 ซึ่งกำหนดให้ต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาสำนวนและสั่งการตั้งคณะสอบสวนต่อไป
จากเหตุการณ์ดังกล่าว สืบย้อนไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ที่ สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง ผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายมีชื่อสอดคล้องกับบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในคลิปเสียง คือ นายพร นักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝั่งตรงข้ามกับสมเด็จฮุน เซน ชาวกัมพูชา โดยคนร้าย 3 คน ร่วมกันทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ ต่อมา นายพร ได้ลี้ภัยไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี โดยในคลิปเสียงมีการระบุชื่อนายเคลียง ชาวกัมพูชา ให้ทำหน้าที่ดำเนินการในประเทศไทย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง และผู้เกี่ยวข้องตรงตามเนื้อหาในคลิปเสียง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายเคลียง ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย
ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากพิจารณาสำนวนแล้ว หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะมีการออกหมายจับ และหากผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศก็จะดำเนินการออกหมายแดงเพื่อประสานตำรวจสากลใน 196 ประเทศ แต่ทั้งหมดต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายของไทยก่อนจะเข้าสู่กระบวนการดังกล่าว
สำหรับคดีคลิปเสียงสนทนาระหว่างสมเด็จฮุน เซน กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ระบุว่ามีการประชุมหารือกับสำนักงานอัยการสอบสวนแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ด้าน น.ส.ฐิติวดี ชี้แจงว่า หลังรับสำนวนจากพนักงานสอบสวน ขั้นตอนต่อไปจะส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ ก่อนจะมีความเห็นเสนอกลับให้อัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาสั่งการตั้งคณะพนักงานสอบสวนและพิจารณาสำนวนว่ามีมูลพอฟ้องต่อศาลหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20