วันที่ 9 ตุลาคม 2568 นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ โฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.กำลังตรวจสอบข้อมูลภาระค่าก๊าซธรรมชาติของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จำนวน 15,000 ล้านบาทและการคืนหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 66,000 ล้านบาท เพื่อพิจารณาว่าการยืดระยะเวลาชำระหนี้จะส่งผลต่อดอกเบี้ย ราคาก๊าซ และต้นทุนค่าไฟฟ้าอย่างไร ก่อนการพิจารณาค่าไฟฟ้างวดเดือนมกราคม-เมษายน 2569

ทั้งนี้ ปีนี้ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศทางฝั่งตะวันตก เช่น สหภาพยุโรป มีแนวโน้มสูงในช่วงฤดูหนาว แต่ผู้ผลิตก๊าซเร่งเพิ่มการผลิต ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกยังไม่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงเหมือนปีก่อน

นายพูลพัฒน์ กล่าวว่า การตรึงค่าไฟฟ้าให้อยู่ในระดับเดิม 3.94 บาท/หน่วย มีความเป็นไปได้สูง แต่ต้องตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบและหารือในที่ประชุม กกพ. อีกครั้ง

สำหรับเงิน Claw Back จากการลงทุนของ 3 การไฟฟ้า ปัจจุบันเหลืออีก 5,000 ล้านบาท หลังจากใช้ไปแล้ว 2,600 ล้านบาทในงวดค่าไฟฟ้า ก.ย.-ธ.ค. ซึ่งเงินส่วนนี้สามารถนำมาใช้ในกรณีวิกฤตพลังงาน หรือกรณีค่าไฟฟ้าเอฟทีเคลื่อนไหวผิดปกติ

ขณะเดียวกัน กกพ.อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบาย Direct Power Purchase Agreement (Direct PPA) จำนวน 2,000 เมกะวัตต์ ซึ่งอนุญาตให้ผู้ผลิตและผู้ใช้พลังงานทำสัญญาโดยตรงโดยไม่ผ่านตัวกลาง โดยจะพิจารณาอัตราค่าการส่งพลังงาน (Wheeling) และนำเสนอที่ประชุม กกพ. วันที่ 15 ต.ค.นี้ คาดว่าผลสรุปจะประกาศได้ภายในเดือนธันวาคม เพื่อเป็น ของขวัญคริสต์มาส ให้ภาคเอกชน โดยในระยะแรกจะใช้ไฟฟ้าจากฟอสซิลก่อน และต่อไปจะขยับไปเป็นไฟฟ้าสีเขียว