วันที่ 3 ตุลาคม 2568 รัฐบาลชุดปัจจุบันเดินหน้าจัดทำ สลากเพื่อการออม นำพฤติกรรมชื่นชอบเสี่ยงโชคของคนไทยมาจูงใจให้ประชาชนออมเงิน โดยหากซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้วไม่ถูกรางวัล ก็ยังได้เงินสะสมบางส่วน ทำให้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ หวยเกษียณ ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่ทั้งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และปลัดกระทรวงการคลัง ย้ำว่าเป็นโครงการคนละส่วนกัน
สลากเพื่อการออม
แนวคิด รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ระบุว่าเป็นกลไกส่งเสริมการออมระยะยาว คล้ายกับ RMF แต่เป็นการออมผ่านสลากกินแบ่งรัฐบาลดิจิทัล L6 บนแอปฯ เป๋าตัง
การซื้อและราคา ซื้อสลาก 1 ใบ ราคา 80 บาท เลือกเลขเอง ออกรางวัลเดือนละ 2 ครั้ง
การสะสมเงินออม หากไม่ถูกรางวัล เงินบางส่วนจะถูกกันไว้เป็นเงินออม ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาสัดส่วน
สัดส่วนเงิน จากสลาก 80 บาท 60% เป็นเงินรางวัล, 23% ส่งเข้ารัฐ, เหลือ 17% สำหรับส่วนลดผู้แทนจำหน่ายและค่าบริหารจัดการ หากดึงมาเป็นเงินออมสูงสุดประมาณ 13.60 สตางค์ต่อสลาก 1 ใบ
สถานะ ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่าอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียด ไม่มีการพิมพ์สลากเพิ่ม และเร่งผลักดันโครงการให้เสร็จภายใน 4 เดือน
หวยเกษียณ
แนวคิด เป็น หวยขูดดิจิทัล จำหน่ายผ่านแอปฯ กอช. และพันธมิตร
การซื้อและราคา ใบละ 50 บาท ซื้อได้ทุกวัน แต่ไม่เกินเดือนละ 3,000 บาทต่อคน ออกรางวัลทุกวันศุกร์
การสะสมเงินออม หากไม่ถูกรางวัล เงินที่ซื้อสลาก 50 บาท จะถูกนำไปสะสม 100%
ประสิทธิภาพ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ผลักดันหวยเกษียณ ระบุว่า แนวคิดสลากเพื่อการออมเคยพิจารณาแล้ว แต่พบว่าประสิทธิภาพต่ำกว่า จึงเลือกแก้กฎหมาย กอช. ออกหวยเกษียณแทน
นักวิชาการจากทีดีอาร์ไอ มองว่า ทั้งสองรูปแบบมีความใกล้เคียงกัน และกลุ่มเป้าหมายอาจทับซ้อนกัน โดยเฉพาะผู้ชื่นชอบเสี่ยงโชค แต่การมีผลิตภัณฑ์การออมหลายแบบช่วยเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเริ่มออมเงินระยะยาว ลดภาระงบประมาณของรัฐในการดูแลผู้สูงอายุ
เรียบเรียง สยามนิวส์