เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 30 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ที่รัฐสภา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้ยกเลิกมติ ครม.เดิมเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ซึ่งกำหนดมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายสำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วง ที่สิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายนนี้ พร้อมทั้งขอขยายมาตรการออกไปอีก 2 เดือน คือเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและสร้างความต่อเนื่องในการเดินทาง
มาตรการดังกล่าวเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 โดยเดิมรถไฟฟ้าสายสีแดง (รังสิต-ตลิ่งชัน) มีค่าโดยสาร 12-42 บาท และสายสีม่วง (คลองบางไผ่-เตาปูน) มีค่าโดยสาร 14-42 บาท ทำให้ผู้โดยสารที่เดินทางไกลต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อปรับอัตราเป็น 20 บาทตลอดสาย พบว่ายอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 15-20% โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและผู้ใช้บริการประจำที่ได้รับประโยชน์โดยตรง
อย่างไรก็ตาม การอุดหนุนค่าโดยสารทำให้รัฐต้องชดเชยรายได้ให้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หลายร้อยล้านบาท หากขยายต่อเนื่องในระยะยาวอาจเป็นภาระการคลัง แต่หากยกเลิกทันทีอาจกระทบต่อจำนวนผู้โดยสารและสร้างแรงกดดันทางการเมือง เนื่องจากมาตรการนี้ช่วยให้ประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 500-1,000 บาทต่อเดือน อีกทั้งยังช่วยดึงดูดให้คนหันมาใช้ระบบรางมากขึ้น ลดปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ ได้ในระดับหนึ่ง
ต่อมา วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. นัดแรกว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดย ขยายเวลามาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายสำหรับสายสีแดงและสายสีม่วงไป จนถึง วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568
ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมจัดทำแนวทางถาวรในการลดภาระค่าโดยสารที่ยั่งยืนและไม่เป็นภาระทางการคลัง พร้อมนำกลับมาเสนอ ครม. ภายใน 2 เดือน เพื่อกำหนดมาตรการในระยะยาวต่อไป