ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี พ.ต.ท.กวิณวัชร์ อารยะสุริวงศ์ รอง ผกก.ตม.จว.ชลบุรี สั่งการให้ พ.ต.ต.กิตติภัทร หงษ์ชูเวช สว.ตม.จว.ชลบุรี และชุดสืบสวนหาข่าว หลังสืบทราบว่ามีบุคคลต่างด้าวตามหมายจับตำรวจสากล (INTERPOL) กบดานอยู่ในพื้นที่
จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนตรวจสอบประวัติคนต่างด้าวที่มายื่นขอ vusa ทั้งหมดจนพบว่า MRS.เอ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี สัญชาติอุซเบกิสถาน อยู่เกินกำหนด (Overstay): ตรวจสอบพบว่าการอนุญาตสิ้นสุดลงแล้วถึง 112 วัน

และเป็นบุคคลตามหมายแดง (Red Notice): ทางการอุซเบกิสถานต้องการตัวในคดีอาญาร้ายแรง (หมายแดงออกหลังจากที่เดินทางเข้าประเทศมา)
จึงวางแผนจับกุม โดยหลอกล่อให้เป้าหมายเดินทางมารับวีซ่าที่ ตม.จว.ชลบุรี เมื่อเป้าหมายปรากฏตัว เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงแสดงตัวจับกุมทันที

เปิดพฤติการณ์
จากข้อมูลในหมายแดง พบว่าผู้ต้องหารายนี้มีพฤติการณ์เป็นเครือข่ายขบวนการ "ค้ามนุษย์ข้ามชาติ" ที่สุดอันตราย โดยมีแผนประทุษกรรมดังนี้
ล่อลวงเหยื่อ: ร่วมกับพวกหลอกลวงหญิงสาวจากประเทศบ้านเกิด อ้างว่าจะพามาทำงานมีรายได้ดีในกรุงเทพฯ และเมืองพัทยา
กักขังและข่มขู่: เมื่อเหยื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย ผู้ต้องหาจะทำการ "ยึดหนังสือเดินทาง" (Passport) ทันที เพื่อไม่ให้เหยื่อหนี
เรียกค่าไถ่พาสปอร์ต: บังคับให้เหยื่อทำงานและเรียกเงินสูงถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.7 แสนบาท) เพื่อแลกกับการคืนพาสปอร์ตและอิสรภาพ

การดำเนินการทางกฎหมาย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีในข้อหา Overstay ก่อนจะประสานงานส่งตัวกลับไปดำเนินคดีข้อหาค้ามนุษย์ที่ประเทศต้นทางตามระเบียบการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
ตม.จว.ชลบุรี เน้นย้ำ: พร้อมกวาดล้างอาชญากรข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นที่กบดาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน