ตำรวจ (CIB) ร่วม อย. ตัดวงจร 4x100 มรณะมอมเมาเยาวชน ทลาย 3 เครือข่าย ค้น 10 จุด ยึดยาเขียวเหลืองกว่า 1 ล้านเม็ด ยาแก้ไอกว่า 1 หมื่นขวด มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
ข่าวอาชญากรรม

ตำรวจ (CIB) ร่วม อย. ตัดวงจร 4x100 มรณะมอมเมาเยาวชน ทลาย 3 เครือข่าย ค้น 10 จุด ยึดยาเขียวเหลืองกว่า 1 ล้านเม็ด ยาแก้ไอกว่า 1 หมื่นขวด มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กก.4 บก.ปคบ., กระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติการทลายเครือข่ายจำหน่ายยาเขียวเหลือง ยาแก้ไอ ตัดวงจรน้ำกระท่อมมอมเมาเยาวชน ในพื้นที่ จ.ชลบุรี จ.สมุทรปราการ จ.สิงห์บุรี และกรุงเทพมหานคร ตรวจค้น 10 จุด ยึดของกลางกว่า 300 รายการ มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท เบื้องต้นจับกุมผู้ต้องหาที่ไม่ใช่เภสัชกร 1 ราย ส่วนผู้ร่วมการกระทำความผิดที่เหลืออยู่ระหว่างรอผลตรวจของกลางจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แล้วจะเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม

พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเฝ้าระวังการลักลอบจำหน่ายยาผิดกฎหมาย หลังพบการใช้ยาแก้ปวดทรามาดอล หรือที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ใช้ว่า “ยาเขียวเหลือง” ยาแก้ไอ ผิดวัตถุประสงค์ในกลุ่มวัยรุ่น โดยนำมาผสมกับน้ำกระท่อมเพื่อสร้างความมึนเมา หรือที่รู้จักกันในชื่อ "4x100" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับไปสู่การเสพสารเสพติดอื่นที่รุนแรงขึ้น ซึ่งปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขยกระดับยาทรามาดอล เป็นยาควบคุมพิเศษ ต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ จะสามารถซื้อได้ต่อเมื่อมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. สืบสวนหาแหล่งลักลอบจำหน่ายยาเขียวเหลือง ยาแก้ไอ เพื่อนำไปใช้ผสมน้ำต้มใบกระท่อม รวมถึงโรงงานผลิตยาแก้ไอปลอม จนเป็นที่มาของการระดมกวาดล้างกลุ่มเครือข่าย ผู้ลักลอบจำหน่ายยาเขียวเหลือง (ทรามาดอล) ยาแก้ไอ และผู้ผลิตยาแก้ไอปลอมเพื่อตัดวงจรการเสพ "4x100" จำนวน 3 เครือข่าย ดังนี้

1. เครือข่ายจำหน่ายยาเขียวเหลือง-ยาแก้ไอพื้นที่ จ.ชลบุรี และ จ.สมุทรปราการ โดยเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก. ปคบ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเข้าตรวจค้นสถานที่จัดเก็บและจำหน่าย จำนวน 5 จุด ได้แก่

1.1 สถานที่จัดเก็บ นำหมายค้นศาลจังหวัดพัทยาเข้าตรวจค้นภายในบ้านพักแห่งหนึ่ง ในหมู่ 13 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สามารถตรวจยึด ยาแก้ไอ-แก้แพ้ จำนวน 608 ขวด และยาแก้ปวดทรามาดอล จำนวน 1,000 แคปซูล

1.2 สถานที่จำหน่าย นำหมายค้นศาลจังหวัดพัทยาเข้าตรวจค้นภายในห้องพักแห่งหนึ่ง ในหมู่ 13 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สามารถตรวจยึดน้ำกระท่อมที่ผสมยาแก้ไอแล้วจำนวน 15 ขวด และ ยาแก้ไอยี่ห้อต่าง ๆ รวม 25 ขวด

1.3 สถานที่จำหน่าย นำหมายค้นศาลจังหวัดพระประแดงเข้าตรวจค้นภายในบ้านพักแห่งหนึ่ง ใน ต.คลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ สามารถตรวจยึดน้ำกระท่อมบรรจุขวดปรุงแต่งกลิ่นรส จำนวน 218 ขวด ยาแก้ไอยี่ห้อต่าง ๆ จำนวน 291 ขวด ยาแก้ปวดทรามาดอล จำนวน 1,330 แคปซูล

1.4 สถานที่จัดเก็บ นำหมายค้นศาลจังหวัดพระประแดงเข้าตรวจค้นบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 9 ต.คลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ สามารถตรวจยึดสมุนไพรควบคุม (กัญชา) จำนวน 23 กิโลกรัม ยาแก้ปวดทรามาดอล จำนวน 1,500 แคปซูล ยาแก้ไอ-แก้แพ้ จำนวน 2,930 ขวด

1.5 สถานที่ต้องสงสัยว่าใช้ในการกระทำความผิด นำหมายค้นศาลแขวงพระประแดงเข้าตรวจค้นบ้านพักแห่งหนึ่ง ในหมู่ 9 ต.คลองปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ตรวจยึดสมุดบัญชี ใบเสร็จ เอกสารอื่น รวม 9 รายการ 848 ชิ้น

2. เครือข่ายจำหน่ายยาแก้ไอเขียวเหลือง-ยาแก้ไอ พื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเข้าตรวจค้นสถานที่จัดเก็บและจำหน่าย จำนวน 3 จุด ได้แก่

 2.1 สถานที่จัดเก็บและจำหน่าย นำหมายค้นศาลแขวงธนบุรีเข้าตรวจค้นภายในร้านขายยาแห่งหนึ่งในซอยพระราม 2 ซอย 33 แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพฯ สามารถจับกุมตัว น.ส.สุภัทรา (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ในความผิดฐาน “ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมโดยมิได้รับใบอนุญาต” พร้อมตรวจยึดยาแก้ปวดทรามาดอล จำนวน 980 แคปซูล ยาแก้ไอ 2,242 ขวด และยาอื่น รวมทั้งสิ้น 9 รายการ กว่า 4,000 ชิ้น

2.2 สถานที่จัดเก็บ นำหมายค้นศาลแขวงธนบุรีเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในซอยอนามัยงามเจริญ 35 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ สามารถตรวจยึดยาทรามาดอล จำนวน 162,000 แคปซูล

 2.3 สถานที่จัดเก็บ นำหมายค้นศาลแขวงธนบุรีเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่ง ถนนงามเจริญ แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ตรวจยึดยาแก้ไอ-ยาแก้แพ้ จำนวน 4,400 ขวด ยาทรามาดอล จำนวน 1.2 ล้านแคปซูล และยาอื่น รวม 71 รายการ กลุ่มเครือข่ายทั้ง 2 กลุ่มที่เข้าตรวจค้นในพื้นที่ จ.ชลบุรี จ.สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานครนั้น มีพฤติการณ์เปิดสถานพยาบาลและร้านขายยาเพื่อให้ได้โควตาในการสั่งซื้อยาในกลุ่มยาแก้ไอ ยาแก้แพ้ โดยเฉพาะยาทรามาดอล มาเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต และจากหลักฐานพบมีการนำไปโพสต์ขายทางออนไลน์ โดยมีวัตถุประสงค์ในการจำหน่ายหรือกระจายยาเหล่านี้ให้กับกลุ่มวัยรุ่นทั้งแบบปลีกและส่ง เพื่อใช้ผสมกับน้ำต้มใบกระท่อม รวมถึงการจำหน่ายให้ร้านขายน้ำต้มใบกระท่อมตามแหล่งชุมชน

3. เครือข่ายโรงงานผลิตยาแก้ไอปลอม พื้นที่ จ.สิงห์บุรี โดยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี ตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิด จำนวน 2 จุด ได้แก่

 3.1 สถานที่ผลิตและจัดเก็บบรรจุภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์บรรจุและผลิตยาแก้ไอปลอม นำหมายค้นศาลจังหวัดสิงห์บุรีเข้าตรวจค้นภายในบ้านพักแห่งหนึ่ง ใน ม.5 ต.บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี สามารถตรวจยึดของกลางเป็นขวดเปล่ารอบรรจุยาแก้ไอปลอม 35,000 ขวด ฝาขวด 79,000 ฝา อุปกรณ์การพิมพ์ฝาและฉลาก 6 รายการ สารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาแก้ไอปลอม เช่น ซิทริค แอซิด, แซคคารีน จำนวน 17 รายการ รวมของกลางทั้งสิ้นกว่า 120,000 ชิ้น 3.2 สถานที่ผลิต นำหมายค้นศาลจังหวัดสิงห์บุรีเข้าตรวจค้นภายในบ้านพักแห่งหนึ่ง ใน ม.5 ต.หัวไผ่ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นสถานที่ต้มยาแก้ไอปลอม สามารถตรวจยึดของกลาง หม้อต้ม เครื่องจักรที่ใช้ในการบรรจุ เครื่องชั่ง ปั๊มลม สารเคมีและอุปกรณ์สำหรับผลิตยาแก้ไอปลอมจำนวน 23 รายการ จำนวนทั้งสิ้น 18,528 ชิ้น

โดยพฤติการณ์ของกลุ่มเครือข่ายผู้ผลิตยาแก้ไอปลอมนี้จะผลิตยาแก้ไอปลอมเพื่อส่งให้ร้านขายยาในแหล่งที่มีการจำหน่ายน้ำกระท่อม เพื่อให้วัยรุ่นนำยานี้ไปผสมกับน้ำต้มใบกระท่อมใช้เสพเพื่อความมึนเมา

 รวมตรวจค้นทั้ง 3 เครือข่าย จำนวนทั้งสิ้น 10 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาดำเนินคดี 1 ราย ฐาน “ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมโดยมิได้รับใบอนุญาต” ตรวจยึดของกลาง ได้แก่ ยาทรามาดอล จำนวน 1,366,810 แคปซูล ยาแก้แพ้-แก้ไอ จำนวน 10,496 ขวด ยาอื่น ๆ รวมถึงเครื่องจักร วัตถุดิบที่ใช้ในการลักลอบผลิตยาแก้ไอปลอม รวมกว่า 300 รายการ มูลค่ากว่า 20,000,000 บาท  

เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ดังนี้

1. กรณีผู้ผลิตยาแก้ไอปลอมจะมีความผิด

- ฐาน “ผลิตและขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต” โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท

- ฐาน “ผลิตและขายยาปลอม” โทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 50,000 บาท

2. กลุ่มเครือข่ายที่ลักลอบขายยาแผนปัจจุบัน หรือยาอันตราย จะมีความผิด

-ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับไม่เกิน 10,000 บาท

-ฐาน “ขายยาอันตรายหรือยาควบคุมพิเศษโดยไม่มีใบสั่งแพทย์” โทษปรับตั้งแต่ 1,000 - 5,000 บาท

3. ผู้จำหน่ายยาโดยไม่ใช่เภสัชกร มีความผิดตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2537 ฐาน “เป็น ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมทำการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมหรือแสดงด้วยวิธีใด ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพดังกล่าว โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต” โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ภญ.สุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า อย. ได้เฝ้าระวังและตรวจพบว่า มีการอาศัยใบอนุญาตของสถานพยาบาลทำการขอซื้อยาจากผู้ผลิตในจำนวนนับล้านแคปซูลในช่วงปี 2567-2568 ซึ่งเป็นจำนวนที่มากผิดปกติ จึงได้ขอกำลังจากกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) สืบสวนว่ายาดังกล่าวรั่วไปยังจุดใด จากการสืบสวนพบว่า มีการลักลอบนำไปขายตามเพจออนไลน์และร้านขายยาจนสืบทราบเครือข่ายการลักลอบขายยาและจับกุมผู้กระทำความผิดได้ในที่สุด จึงขอเตือนผู้ประกอบการที่ลักลอบนำยาทรามาดอลไปขายในช่องทางที่ผิดกฎหมาย อย.จะใช้มาตรการทางปกครองในการพักใช้ใบอนุญาตและดำเนินคดีจนถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างในการใช้ใบอนุญาตด้านยาเพื่อทำการขายยาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์จนเป็นภัยต่อสังคม

สำหรับการเฝ้าระวังการลักลอบผลิตยาปลอมหรือยาไม่มีทะเบียนตำรับยานั้น ทาง อย. ได้ประสานการทำงานร่วมกับ บก.ปคบ. มาโดยตลอด แต่ยังคงพบปัญหาการลักลอบผลิตอยู่ จึงขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสแหล่งผลิตหรือขายเพื่อลดการนำยาไปใช้ในทางที่ผิด จนเป็นสาเหตุของการเสพติดยาที่รุนแรงขึ้นตามมา สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ปกครอง คนในชุมชน และสังคม

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน