คนร้าย เผยนาทีก่อเหตุ จบชีวิตไกด์สาวเพื่อชิงทรัพย์ แอบเดินตาม เปิดประตูด้านหลังรถ โดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว
ข่าวอาชญากรรม

คนร้าย เผยนาทีก่อเหตุ จบชีวิตไกด์สาวเพื่อชิงทรัพย์ แอบเดินตาม เปิดประตูด้านหลังรถ โดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว

วานนี้ (10 พ.ย. 2568) ร.ต.ท.สุเมธ เพชรเรือน รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งพบรถต้องสงสัยที่หายไปจอดทิ้งไว้ที่บริเวณข้างบ้านร้างใต้ต้นมะม่วงภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอย 12 ถ.เทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งคาดว่าเป็นรถของบุคคลที่ญาติได้แจ้งความไว้กับ สภ.วิชิต เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากหายตัวไปไม่กลับบ้านพักตามปกติ จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสน์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.อรรถวัฒน์ สุวรรณรัตน์ รองผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ตเ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นที่เปลี่ยว มีบ้านร้าง ใต้ต้นไม้ใหญ่พบรถเก๋งยี่ห้อนิสสันซันนี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กง 5311 ภูเก็ตจอดอยู่ โดยประตูรถไม่ได้ล๊อค เมื่อมองผ่านกระจกเข้าไปภายในรถ พบศพหญิงสาวศีรษะทิ่มลงที่วางเท้า ขาชี้อยู่บนเบาะคนนั่ง สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นลายดอก นุ่งกางเกงขายาวสีดำ จากนั้น พฐ.ได้เปิดประตูรถเพื่อตรวจสอบ โดยภายในรถมีร่องรอยการต่อสู้ ไฟส่องสว่างที่ติดอยู่เพดานรถแตก พระที่ตั้งอยู่หน้ารถกระจัดกระจาย ในมือขวาของศพกำพระเครื่องหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดอยู่ 1 องค์

เบื้องต้นไม่พบบาดแผลตามร่างกายของศพ เนื่องจากสภาพศพขึ้นอืด ผิวหนังบวมและเปลี่ยนสีแล้ว จึงไม่เห็นบาดแผลที่เด่นชัด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ น.ส.อรทัย หรือ ไกด์กลาง อายุพงษ์ อายุ 56 ปี มีอาชีพเป็นมัคคุเทศก์หรือไกด์ของบริษัทท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต และยังเป็นอุปนายกสมาคมมัคคุเทศก์อันดามัน จึงนำศพออกจากรถ แล้วนำส่ง รพ.วชิระภูเก็ต เพื่อผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งว่า น.ส.อรทัยฯ ไม่ได้กลับเข้าบ้าน ตั้งเเต่วันที่ 7 พ.ย. โดยญาติแจ้งว่าตามปกติ น.ส.อรทัยฯ จะจอดรถไว้ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จากนั้น จะโดยสารรถยนต์ของบริษัทไปทำงาน โดยจะกลับมาถึงห้างดังกล่าว ในช่วงเวลาเย็น จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนตรวจสอบข้อมูลกล้องวงจรปิด จึงทราบว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 68 เวลาประมาณ 16.47 น. หลังจาก น.ส.อรทัยฯ กลับมาจากทำงาน มาถึงห้างแล้ว น.ส.อรทัยฯ ได้เดินออกจากห้างไปขึ้นรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน กง 5311 ภูเก็ต

ขณะเดินไปที่รถของตนนั้น ได้มีคนร้ายทราบชื่อภายหลัง คือ นายจิรศักดิ์ ยอดบำรุง อายุ 43 ปี ได้เดินตาม น.ส.อรทัยฯ ไปที่รถ ขณะที่น.ส.อรทัยฯ กำลังเปิดประตูเข้าในรถ นายจิรศักดิ์ฯ ได้แอบเปิดประตูด้านหลังขวาเข้าไปรถ โดยอยู่ในรถกับผู้เสียชีวิตประมาณ 2 ชั่วโมง โดยใช้มือรัดคอผู้เสียชีวิตจนแน่นิ่ง จากนั้น ได้ปลดสร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาทของผู้เสียชีวิต และเอาโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง พระเลี่ยมทอง 2 องค์ กระเป๋าถือ สีแดง 1 ใบไปด้วย แล้วขับรถออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนติดตาม จนพบนายจิรศักดิ์ฯ ขณะขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียน บน 6719 ภูเก็ต อยู่บนถนนบายพาสมาถึงแยกบางคู จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถ เมื่อนายจิรศักดิ์ฯ หยุดรถแล้ว จึงเข้าควบคุมตัว จากนั้นได้ควบคุมตัวไปชี้จุดที่นำรถมาจอดทิ้งไว้

จากการสอบถาม นายจิรศักดิ์ฯ ทำงานรับจ้างเดินสายอินเตอร์เน็ต ยอมรับสารภาพว่า เมื่อเวลา 16.47 น.วันที่ 7 พ.ย.68 ได้ไปพบผู้เสียชีวิตที่ห้าง โดยบังเอิญ ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน โดยขณะนั้น ผู้เสียชีวิตกำลังเดินออกจากตัวห้างไปยังลานจอดรถของห้าง จากนั้น ตนเองได้เดินตามไป เมื่อผู้เสียชีวิตเปิดรถเก๋ง ตนจึงเปิดประตูหลังคนขับเข้าไปในรถและมีการต่อสู้กันภายในรถ โดยผู้เสียชีวิตพยายามจะดิ้นรนและจะเปิดแตรรถให้คนอื่นได้ยิน แต่ตนได้ล๊อคคอและรัดคอไว้

ทำให้มือผู้เสียชีวิตไปคว้าพระเครื่องที่ห้อยอยู่หน้ารถกำอยู่ในมือ จากนั้น ผู้เสียชีวิตแน่นิ่งไป ตนจึงผลักผู้เสียชีวิตไปที่เบาะคนนั่งแล้วอ้อมมานั่งที่เบาะคนขับนำเสื่อที่อยู่ในรถมาปิดบังศพไว้ แล้วได้ปลดทองสร้อยคอทองคำไปขายที่ ร้านทองได้เงินจำนวน 48,420 บาท นำเงินไปใช้หนี้สินส่วนตัวจนหมด จากนั้น ได้ขับรถยนต์เก๋ง คันทะเบียน กง 5311 ภูเก็ต ของ น.ส.อรทัยฯ มาทิ้งไว้บริเวณ ซอยหมู่บ้านดังกล่าว และขับรถกระบะกลับไป อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา โดยตนจะขับรถไปกลับ พังงา-ภูเก็ต ทุกวัน ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ในทุกๆ เช้าจะขับรถไปวนดูจุดที่รถผู้เสียชีวิตจอด และหลังเลิกงานก่อนกลับพังงาจะขับรถวนไปดู

ด้าน พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ตกล่าวว่า หลังจากที่ สภ.วิชิตได้รับแจ้งคนหายเมื่อวันที่ 8 พ.ย.68 จากนั้นเราได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ปรากฎว่าผู้เสียชีวิตไปเดินซื้อของอยู่ที่ห้าง และมีชายเดินตาม แล้วขึ้นรถของผู้เสียชีวิตไป โดยผู้เสียชีวิตขาดการติดต่อไป เมื่อตรวจสอบจากพยานหลักฐานต่างๆ จนพบว่าชายดังกล่าวอายุราว 43 ปี จึงเข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาในเวลาต่อมา และนำเรามาสู่จุดที่พบศพภายในรถคันที่เกิดเหตุ

เบื้องต้นเป็นเหตุที่ประสงค์ต่อทรัพย์ของผู้เสียชีวิต โดยมีสร้อยทองคำหนัก 1 บาทและโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องที่หายไป ซึ่งผู้ต้องหาได้นำสร้อยคอทองคำไปขาย โดยอยู่ระหว่างการติดตามนำทรัพย์สินกลับคืนมา ซึ่งเราสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ขณะขับรถติดไฟแดงอยู่ที่สี่แยกบ้านบางคู ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต เนื่องจากผู้ต้องหาจะขับรถไปกลับบ้านที่อำเภอท้ายเหมือง จ.พังงา ทุกวัน จนเราสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด และแจ้งข้อหาx่าชิงทรัพย์ผู้อื่น

อย่างไรก็ตาม ขณะที่นายจิรศักดิ์กำลังชี้ที่เกิดเหตุอยู่นั้น ได้มีกลุ่มเพื่อนของ น.ส.อรทัย ผู้เสียชีวิต ที่ทราบข่าวได้วิ่งเข้าไปชกที่ใบหน้านายจิรศักดิ์ไป 1 ครั้ง เนื่องจากโกธรแค้นที่x่าเพื่อน

ผู้สื่อข่าวจังหวัดภูเก็ต รายงาน