ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ Anti Cyber Scam Center เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.1 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม 1.นายบุญช่วยฯ สัญชาติไทย ภูมิลำเนา จ.ตาก ในข้อหารู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้น จากการจับกุม และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน(ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต 2. ผู้ถูกจับที่ 2-16 (หลบหนีเข้าเมืองสัญชาติ เมียนมาร์ รวม 14 ราย ชาย 5 หญิง 9 คน สัญชาติ จีน 1 ราย ชาย 1 คน) ในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

สถานที่จับกุม บริเวณถนนสายเอเชีย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พฤติการณ์ ตามนโยบายการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ของ ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ Anti Cyber Scam Center โดยมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช เป็นหัวหน้าศูนย์ ได้มีนโยบายให้ ตำรวจทางหลวง ทำการป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่อาจใช้เส้นทางบนถนนหลวง เป็นเส้นทางในการหลบหนี หรือเป็นทางผ่านในการเคลื่อนย้ายฐานที่ตั้ง หลังมีการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์อย่างจริงจัง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สืบทราบว่าจะมีขบวนการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนี เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายผ่านเข้ามาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงเฝ้าติดตามพฤติกรรมของรถยนต์กระบะต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนสกัดรถยนต์คันดังกล่าว
จนกระทั่งมีรถยนต์ต้องสงสัย มีลักษณะกระจกทึบ มีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่าปกติ จึงได้สกัดกั้นเละเข้าตรวจสอบ พบนายบุญช่วยฯ แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่ และมีคนต่างด้าว นั่งโดยสารอัดมาเต็มในคันรถ จำนวน 10 ราย และท้ายที่กระบะ มีการดัดแปลงนำแผ่นไม้อัดมาวางพาดเพื่อวางสัมภาระที่ด้านบน เพื่อให้ด้านล่างมีช่องสำหรับซุกซ่อนคนต่างด้าวอีก จำนวน 5 ราย

จากการตรวจสอบพบเป็นคนต่างด้าว สัญชาติเมียนมาร์ 14 ราย และสัญชาติจีน 1 ราย ที่ปลอมตัวแต่งกาย แฝงตัวมากับชาวเมียนมาร์ ทั้งหมดไม่มีเอกสารประจำตัวมาแสดง จึงคาดว่าเป็นแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมาย และยังได้ตรวจสอบภายในรถยนต์ พบมียาบ้า 34 เม็ด และยาไอช์ 0.3 กรัม ซึ่งนายนายบุญช่วยฯ ผู้ขับขี่ รับว่าเป็นของตนจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จึงได้ทำการตรวจยึดรถยนต์ และยาเสพติดไว้เป็นของกลาง ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามปากคำนายบุญช่วยฯ ผู้ขับขี่เบื้องต้นให้การว่า ตนเคยถูกจับในคดีลักษณะเดียวกันนี้ถึง 3 ครั้งในรอบปี และพึ่งได้รับการประกันตัวในชั้นศาล เป็นเงิน 50,000 บาท ประกอบกับว่างงานจึงได้ติดต่อนายจ๋อฯ นายหน้า เพื่อขอรับงานวิ่งคนต่างด้าวได้ค่าจ้างจำนวน 500 บาท ต่อ 1 คน ส่วนผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ และชาวจีน ให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบนั่งเรือจากฝั่งเมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อจะเข้ามาหางานทำงานในประเทศไทย โดยชาวเมียนมาเสียค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้าจำนวนเงิน 20,000 บาทต่อคน และชาวจีนเสียค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้าจำนวนเงิน 130,000 บาท โดยผู้ต้องหาชาวจีนมีหลักฐานน่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือสแกมเมอร์ ที่ถูกทางการเมียนมาร์กวาดล้าง จึงจำเป็นต้องหลบหนีเข้ามาโดยผิดกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน