รวบ 4 เครือข่ายเอเย่นต์ขาย ซิมม้า ออนไลน์ยึดของกลางเพียบ
ข่าวอาชญากรรม

รวบ 4 เครือข่ายเอเย่นต์ขาย ซิมม้า ออนไลน์ยึดของกลางเพียบ

วันที่ 31 ต.ค. 68  ที่บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท.,พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.คมกฤช สุขไทย ผบก.สอท.3 และ พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์รวบ 4 เครือข่ายเอเย่นต์ขาย “ซิมม้า” ออนไลน์ยึดของกลางเพียบ

พล.ต.ท.สุรพล กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ยกระดับการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยให้จับกุมการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในทุกมิติ รวมถึงการกวาดล้าง ซิมผี บัญชีม้า ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญของมิจฉาชีพอย่างเด็ดขาด เพื่อเป็นการตัดวงจร แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนนำมาสู่ปฏิบับัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายซิมผี บัญชีม้า จำนวน 3 ปฏิบัติการ  1. กก.วิเคราะห์ข่าว บก.สอท.3 รวบ 3 สาวตระเวนขายซิมผี หลอกญาติลงทะเบียนก่อนเอาของมาปล่อย สืบเนื่องจาก พ.ต.ท.นราภพ นวลเท่า สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท 3. ได้ตรวจพบข้อมูลบนบัญชีเฟซบุ๊ก รายหนึ่ง " ได้ลักลอบจำหน่าย “ซิมผี” หรือ ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือของค่ายต่างๆ ที่ลงทะเบียนแล้วพร้อมใช้งาน โดยมีการจำหน่ายในราคาซิมละ 150 บาท

ต่อมา พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.อนุสรณ์ ธีรนุชพงศ์ รอง ผกก.ฯ และ พ.ต.ท.นราภพ นวลเท่า สว.ฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดลงพื้นที่สืบสวนกรณีดังกล่าว จนนำมาสู่การวางแผนล่อซื้อซิมผี จำนวน 50 ซิม ในราคา 7,500 บาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้โอนจ่ายค่ามัดจำไปก่อน จำนวน 1,500 บาท จากนั้นจึงนัดหมายส่งมอบของกันบริเวณสวนสาธารณะบึงพลาญชัยอ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด เมื่อถึงเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจพบ นางสาวนิภาพรฯ พร้อมผู้ร่วมขบวนการอีก 2 ราย ทำหน้าที่ไรเดอร์คอยตระเวนส่งซิมการ์ดตามคำสั่งซื้อจากลูกค้า เมื่อถึงเวลาส่งมอบสินค้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าจับกุมตัวทั้ง 3 คนไว้ได้พร้อมของกลางเป็น โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง และซิมการ์ดที่ลงทะเบียนแล้ว จำนวน 50 ซิม

จากการสอบถาม สวนนางสาวนิภาพรฯ พร้อมพวกอีก 2 คน ยอมรับว่า ได้ลักลอบจำหน่ายซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนพร้อมใช้งานมานานแล้ว โดยคิดกำไรซิมละ 100 บาท โดยรับออร์เดอร์จัดหาซิมการ์ดตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักพันซิม ขึ้นอยู่กับยอดการสั่งซื้อของลูกค้า เมื่อจัดหาซิมการ์ดเปล่ามาได้แล้ว ก็จะไปโน้มน้าวญาติหรือคนรู้จักให้มาช่วยลงทะเบียนให้ ก่อนนำไปขายลูกค้าต่อไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม น.ส.นิภาพร อายุ 24 ปี, น.ส.ยุภาพร อายุ 32 ปี และ น.ส.นิรมล อายุ 33 ปีโดยดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณาหรือไขข่าวโดยประการใดๆเพื่อให้มีการซื้อ หรือขายหมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนาม ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้” ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไปขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามตัวผู้ร่วมเครือข่ายรายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รายที่ 2. กก.4 สอท.4 รวบหนุ่มวัย 16 รับจ้างรวบรวมบัญชีม้า สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.4 ได้สืบสวนพบเบาะแสการจัดส่ง “ซิมผี” และ “บัญชีม้า” ไปยัง ผู้รับเพื่อรวบรวมไว้ในพื้นที่ อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย จึงได้นำกำลังลงพื้นที่เฝ้าสังเกตการ กระทั่งพบว่า มีการนำส่งพัสดุต้องสงสัยไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ที่ 10 ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย จากนั้น ได้มีหญิงรายหนึ่งออกมารับพัสดุดังกล่าว เจ้าหน้าตำรวจจึงได้แสดงตัวและสอบถามถึงตัวพัสดุ เจ้าตัวเล่าว่าพัสดุดังกล่าว ส่งมาลงที่บ้านของตนเองจริง แต่พัสดุเป็นของบุตรชายของตน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ นางสาววงเดือนฯ ติดต่อ นายพาณุวัฒน์ อายุ 16 ปี เข้ามาที่บ้านเพื่อรับพัสดุของตนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เมื่อเปิดพัสดุดังกล่าว พบสมุดบัญชีธนาคารบัตรกดเงินสด ซิมการ์ดโทรศัพท์

จากการสอบถาม นายพาณุวัฒน์ฯ แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า พัสดุดังกล่าวที่ตนได้รับ จะนำไปส่งมอบให้แก่บุคคลชื่อ “ปิ่น” โดยตนได้ค่าจ้างตอบแทนเป็นเงินสดครั้งละ 500 –1,000 บาท เพื่อทำหน้าที่รับพัสดุ และรวบรวมบัญชีธนาคาร นอกจากสมุดบัญชีที่ได้จัดส่งมา ยังมีสมุดบัญชีธนาคารอีกส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ห้องนอนของตนอยู่บนชั้นสองอีกนายพาณุวัฒน์ฯ จึงยินยอมพาเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจยึดของกลาง รวมแล้วสามารถตรวจยึดสมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 38 เล่ม บัตรกดเงินสด จำนวน 9 ใบ และซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวน 7 อัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นผู้สนับสนุนหรือช่วยด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม เพื่อให้มีการชื้อ ขาย ให้เช่า หรือยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด ตามพระราชกำหนดมาตราการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566” พร้อมทั้งนำของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

3. กก.4 บก.สอท.4 รวบเครือข่ายซิมผีบัญชีม้า ลอบขายกลางเมืองเชียงราย สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.4 สืบสวนพบเบาะแสข้อมูลว่า มีกลุ่มบุคคลได้ลักลอบจัดส่งซิมผี และ บัญชีม้า ไปยังผู้รับ เพื่อรวบรวมไว้ที่หอพักแห่งหนึ่ง ถนนเมืองรัง ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงรายชุดสืบสวนจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งนำกำลังออกไปเฝ้าสังเกตการณ์ตามที่สายลับแจ้ง กระทั่งพบว่าเจ้าหน้าที่ส่งพัสดุได้นำส่งพัสดุต้องสงสัยมาตามที่สายลับแจ้งวางไว้ในตะกร้าหน้าหอพักดังกล่าว

ต่อมาได้มีชายไม่ทราบชื่อ ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาภายในหอพัก และหยิบซองพัสดุดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น ทราบชื่อนายวี และรับว่าพัสดุดังกล่าวเป็นของตน จึงได้ตรวจสอบพัสดุ ปรากฏว่า พบสมุดบัญชีธนาคาร บัตรกดเงินสด และซิมการ์ด และนายวีฯ ยังรับอีกว่า ยังมีสมุดบัญชีธนาคารอีกส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ห้องพัก นายวีฯ ได้พาเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ พบสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร บัตรกดเงินสด และซิมการ์ด อีกจำนวนหนึ่ง จาการสอบถาม  นายวีฯ ให้ข้อมูลว่า ตนเองจะส่งของกลางทั้งหมดต่อไปให้กับนายชาย ซึ่งรู้จักกันและติดต่อผ่านทางเฟสบุ๊ค เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นผู้สนับสนุนหรือช่วยด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม เพื่อให้มีการชื้อ ขาย ให้เช่า หรือยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด ตามพระราชกำหนดมาตราการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566” จึงควบคุมตัวพร้อมตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 13 เล่ม บัตรกดเงินสด จำนวน 15 ใบ และซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวน 14 ชิม ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการตรวจสอบพบว่า นายวี ยังมีบัญชีธนาคารที่ใช้รับโอนเงินจากผู้เสียหายที่เกี่ยวกับการหลอกลวงของแก๊งค์คอลเซนเตอร์อีกจำนวน 3 Case ID ในพื้นที่ สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี มูลค่าความเสียหายประมาณ 414,000 บาท, พื้นที่ สภ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เสียหายประมาณ 448,898  บาท และในความรับผิดชอบของกก.3 สอท.2 เสียหายประมาณ 10,000 บาท รวมความเสียหาย ทั้ง 3 เคสไอดี จำนวน 872,898 บาท

4. กก.2 บก.สอท.1 รวบ 2 หนุ่ม ควบจักรยานยนต์ลอบขายซิมผีออนไลน์ สืบเนื่องจาก พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ นราศรี สว.กก.2 บก.สอท.1 ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่า มีผู้ลักลอบจำหน่ายซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือลงทะเบียนแล้วพร้อมใช้งาน จึงได้ติดต่อล่อซื้อ จำนวน 100 ซิม ในราคา 25,000 บาท โดยนัดรับกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านเมืองทองธานี

เมื่อถึงเวลานัดหมายได้พบชายวัยกลางคน อายุประมาณ 25 - 30 ได้โทรศัพท์ติดต่อกับผู้ที่จะนำซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือดังกล่าวมาส่งให้ โดยชายคนดังกล่าวได้ยืนรออยู่บริเวณหน้าห้าง ผ่านไปสักพักได้มีชายอีกคนอายุประมาณ 30-35 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ ติดกล่องบรรจุสิ่งของบริษัทส่งอาหารชื่อดัง มาจอดบริเวณที่ชายคนแรกยืนรอ แล้วนำซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือมาส่งให้ภายในร้านกาแฟ  เมื่อสายลับตรวจสอบจำนวนและการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว จึงได้ส่งสัญญานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม เข้าจับกุมชายดังกล่าว ทราบชื่อต่อมาคือ นายไกรสร(สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ผู้นำซิมการ์ดมาส่ง และนายสุขเกษม(สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ผู้ติดต่อซื้อขาย พร้อมยึดของกลางซิมการ์ด จำนวน 100 ซิม และเงินสดล่อซื้อจำนวนเงิน 25,000 บาท พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนาม ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” ควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.สุรพล  กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว

ทีมข่าวสยามนิวส์

ข่าวที่คุณอาจสนใจ