วันที่ 10 กรกฎาคม 2568 วิกฤตศรัทธาในวงการพระพุทธศาสนาไทยกำลังร้อนระอุถึงขั้นวิกฤต หลังเกิดข่าวฉาวว่าพระภิกษุหลายรูปพัวพันกับหญิงที่ถูกขนานนามว่า สีกา ก. โดยก่อนหน้านี้ไม่นาน กรณีของ เจ้าคุณอาชว์ หรือพระเทพวชิรปาโมกข์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ ที่ต้องลาสิกขาอย่างเร่งด่วนที่วัดจันทร์สามัคคี จ.หนองคาย และเดินทางต่อไปยังประเทศลาว ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วประเทศ ขณะที่พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ออกมาเผยว่า สีกา ก. มีบทบาทเสมือนเพชฌฆาตในวงการสงฆ์ และเคยทำให้พระที่สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ถึง 2 รูป ต้องลาสิกขามาแล้ว

ไทม์ไลน์ พระชั้นผู้ใหญ่ 3 รูปลาสิกขาพร้อมกัน และหายตัวอีก 1 รูป

ในวันที่ 9 ก.ค.2568 ที่ผ่านมา มีรายงานการลาสิกขาของพระผู้ใหญ่ที่เชื่อมโยงกับสีกา ก. 3 รูป และอีก 1 รูปหายตัวไป ดังนี้

1. พระเทพวชิรธีราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี (ลาสิกขา)

เจ้าหน้าที่ บก.ปปป. พบพระเทพวชิรธีราภรณ์ ขณะกำลังเดินทางมาซื้อจีวรผืนใหม่ที่แยกไฟแดง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่แสดงหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอร่วมหลับนอนกับสีกา ก. หลังการเจรจา ท่านยอมรับและตัดสินใจลาสิกขา โดยทำพิธีกล่าวคำลาสิกขาต่อหน้าองค์พระประธานในพระอุโบสถวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร และเป็นพระมหานิกาย เปรียญธรรม 9 ประโยค เคยดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 2 และได้รับสมณศักดิ์ชั้นเทพในปี 2567

2. พระเทพวชิรธีรคุณ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กทม. (ลาสิกขา)

เจ้าหน้าที่ติดตามตัวได้ที่วัดพระธาตุสุนันทา อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และนำหลักฐานแสดงต่อพระเทพวชิรธีรคุณ แม้พระลูกวัดและศิษย์จะไม่เชื่อ แต่ท่านยอมลาสิกขาเช่นกัน พระเทพวชิรธีรคุณ อายุ 60 ปี เปรียญธรรม 9 ประโยค เคยเป็นรองเจ้าคณะภาค 7 และได้รับสมณศักดิ์ชั้นเทพในปี 2567

3. พระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก และผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช (ลาสิกขา)

พระราชรัตนสุธีได้ลาสิกขาแล้วที่ จ.เพชรบูรณ์ มีข้อมูลว่าเป็นบิดาของลูกคนที่สามของสีกา ก. คาดว่าท่านชิงลาสิกขาเพื่อป้องกันเรื่องจะลุกลามไปถึงครอบครัวและนักศึกษาหญิงหน้าห้อง

4. พระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม จ.ฉะเชิงเทรา (หายตัว)

เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นกุฏิแต่ไม่พบตัว และรถยนต์ประจำตัวก็หายไปด้วย ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตาม

ทั้งนี้มีข้อมูลล่าสุดเพิ่มเติมว่า มีพระชั้นเทพอีก 2 รูป ได้แก่ พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา และ พระเทพปวรเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กทม. มีชื่อเกี่ยวโยงสีกา ก. โดยที่เพจดังระบุว่า ทั้ง 2 รูปได้ย่องลาสิขาเงียบเมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา ในขณะที่ บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว กล่าวว่ายังไม่ได้ข้อมูล

ลาสิกขาแล้วพ้นผิด กฎหมายไทยไร้บทลงโทษ

พระธรรมวินัย การเสพเมถุนถือเป็นความผิดขั้นปาราชิก ทำให้พระภิกษุขาดจากความเป็นพระทันที และไม่สามารถกลับมาบวชได้ตลอดชีวิต แต่ในทางกฎหมายไทยปัจจุบัน ยังไม่มีบทลงโทษทางอาญาสำหรับพระที่เสพเมถุนหากเป็นการสมยอม ต่างจากประเทศลาวที่มีกฎหมายกำหนดโทษจำคุกและปรับทั้งพระภิกษุและผู้ร่วมกระทำ โดยในเอกสาร กฎหมายบ้านเมืองไร้บทลงโทษ พระเสพเมถุนสึกแล้วจบ ของ ยุทธศักดิ์ รัมมะเอ็จ ได้เสนอให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญาไทย เพิ่มโทษสำหรับพระที่กระทำผิดร้ายแรง และเอาผิดผู้ที่รู้เห็นเป็นใจ พร้อมทั้งปรับปรุงระบบคัดกรองผู้บวชและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารคณะสงฆ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ซ้ำอีก