กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) กก.7 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม นายกิตติพงศ์ฯ อายุ 22 ปี ในฐานความผิด “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียค่าภาษี หรือของต้องจำกัด หรือของต้องห้าม หรือที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องก็ดี หรือเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวแก่ของนั้นก็ดี ตาม พรบ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ”

พร้อมตรวจยึดของกลาง

1.รถยนต์กระบะบรรทุก ตู้เหล็กทึบ ตอนเดียว ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็ค สีน้ำเงิน สวมแผ่นป้ายทะเบียน สุราษฎร์ธานี จำนวน 1 คัน พร้อมกุญแจรถ จำนวน 1 ดอก

2.ตัวเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าใช้สำหรับต่อกับหัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 347 กล่อง ภายในบรรจุ กล่องละ 10 ชิ้น รวมจำนวนทั้งสิ้น 3,470 ชิ้น

3.น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า คละแบบ จำนวน 235 กล่อง ภายในบรรจุกล่องละ 10 ชิ้น รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,350 ชิ้น  

4.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น 13 สีเขียว พร้อมซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวน 1 เครื่อง

พฤติการณ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดจับกุมกำลังปฎิบัติหน้าที่ออกตรวจอยู่บนเส้นทาง ในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่ามีขบวนลักลอบขนบุหรี่ไฟฟ้าจากพื้นที่จังหวัดสงขลา ไปส่งจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยใช้รถยนต์กระบะตู้ทึบตอนเดียวสีน้ำเงินทะเบียน สุราษฎร์ธานี เป็นยานพาหนะใช้การขนส่ง กำลังขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวอยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านอำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา ฝั่งขาขึ้นมุ่งหน้ากรุงเทพฯ ให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ เมื่อรับทราบดังนั้นจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมได้สั่งการให้ตั้งจุดสกัดบริเวณหน้าหน่วยบริการตำรวจทางหลวงรัตภูมิ ทล.4 กม.1220-1221 ขาขึ้น ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เพื่อสกัดรถตามที่รับแจ้ง จนกระทั่งเวลาเกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะดังกล่าวข้างต้นขับมาบริเวณจุดสกัด ตรงกับที่สายลับแจ้ง จึงได้ให้สัญญาณหยุดรถ พร้อมกับแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบชื่อผู้ขับขี่คือนายกิตติพงศ์ฯ แสดงตนเป็นผู้ขับขี่ จึงได้เชิญตัวมาที่ทำการหน่วยบริการรัตภูมิเพื่อขออนุญาตทำการตรวจค้นภายในตู้ทึบอย่างละเอียด ก่อนทำการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ดู

จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงได้ทำการตรวจค้น ภายในตู้ทึบพบลังโฟมเขียนระบุว่า “ปูนา” แต่เมื่อเปิดตรวจสอบภายในกลับพบตัวเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าและหัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า (ของกลางลำดับที่ 2 และ 3) ภายในตู้ทึบ (ของกลางลำดับที่ 1) จึงได้สอบถามนายกิตติพงศ์ฯ โดยนายกิตติพงศ์ฯ รับว่า ของกลางดังกล่าวข้างต้น ตนเองได้รับจ้างขนมาจากอำเภอจะนะเพื่อนำไปส่งที่กรุงเทพฯ จากการจ้างงานภายในกลุ่มไลน์ โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 2,500 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำาการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงนำตัวบันทึกการจับกุมที่ หน่วยบริการทางหลวงรัตภูมิ และต่อมาได้นำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน