เมื่อเวลา 11.00 น วันที่ 4 มิ.ย 2568 น.ส.แพรว อายุ 32 ปี ชาว ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ (แม่) ของ นาย เอ อายุ 15 ปี (ลูกชาย) นำคลิปภาพกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.ธนภูมิ ฉิมหิรัญ รอง สว.(สอบสวน) สภ.พระสมุทรเจดีย์ ว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นในซอยสุขสวัสดิ์ 76 ยกพวกมาประมาณกว่า 10 คน ก่อเหตุทำร้ายร่างกายโดยมีอาวุธมีดและระเบิดแบบไทยประดิษฐ์ เหตุเกิดภายในซอยช้อยเพ็ง ถนนประชาอุทิศ-คู่สร้าง บ้านของผู้แจ้ง โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเวลา 05.30 น.ของวันที่ 4 มิ.ย.68 ผ่านมา

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 05.30 น วันที่ 4 มิ.ย 2568 มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยกันประมาณ 4-5 คัน ซ้อน 2 ซ้อน 3 พร้อมอาวุธครบมือทั้งมีดและระเบิดรวมกว่า 10 คน ขี่มาจอดบริเวณเกิดเหตุ และได้ตะโกนท้าทายเข้าไปที่บ้านของผู้แจ้ง โดยขณะนั้นในบ้านของผู้แจ้งมีลูกชายและเพื่อนอยู่ด้วยกันประมาณ 6-7 คน ได้เดินออกไปดูแล้วเกิดการด่าท้าทายกันไปมา

ก่อนจะมีการขว้างระเบิดใส่จำนวน 3 ลูกแต่ระเบิดไม่ทำงาน โดยใช้เวลาในการก่อเหตุประมาณ 30 นาที จากนั้นต่างคนต่างแยกย้ายกันไป เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด ซึ่งช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงเช้ามืดชาวบ้านยังพักผ่อนและบางคนเตรียมตัวพาลูกหลานไปโรงเรียนและออกทำงาน ทำให้ชาวบ้านในชุมชนดังกล่าวต่างหวาดผวาและกลัวจะได้รับอันตรายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงฝากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อยากให้ตรวจพื้นที่ให้มากขึ้นเพื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน

จากการสอบถาม นาย เอ อายุ 15 ปี ทราบว่าชนวนเหตุเกิดจากเพื่อนของตนไปคุยกับสาวคนหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าเป็นแฟนของคนในกลุ่มที่มาก่อเหตุจนกระทั่งแฟนของผู้หญิงได้ทักเฟสบุ๊คมาด่าทอต่อว่า พวกตนจึงยอมไม่ได้จึงมีการด่าทอกันไปมาและท้าต่อยกัน กระทั่งเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 24 พ.ค.68 กลุ่มดังกล่าวได้มาขว้างระเบิดใส่หน้าบ้านตนและระเบิดไม่ทำงานหลังจากนั้นได้ท้าทายกันไปมาอีกหลายครั้ง กระทั่งเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมากลุ่มดังกล่าวได้ยกพวกพร้อมอาวุธครบมือมาถล่มที่บ้านอีกครั้งแต่ไม่สำเร็จ จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับคุมวัยรุ่นกลุ่มนี้ หากปล่อยไว้เกรงว่าจะกลับมาดักทำร้ายอีกครั้ง

ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและติดตามทิศทางกลุ่มวัยรุ่นที่หลบหนีพร้อมติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรปราการ รายงาน